เจ้าของปั๊มน้ำมันถูกจรวดกัมพูชาถล่ม ร้องกระทรวงพลังงานช่วยเยียวยา 20 ล้านบาท คปภ. ยืนยันเหตุไม่ใช่สงคราม บริษัทประกันต้องจ่าย
วันนี้ (4 สิงหาคม) กมลรัตน์ เจ้าของปั๊มน้ำมันที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการถูกจรวด BM-21 ยิงถล่มในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เดินทางเข้าร้องเรียนต่อกระทรวงพลังงาน เพื่อขอความช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท
โดยมี ชณทัต ปัทะมะภูวดล ผู้ก่อตั้งเพจ ‘ชณทัต ลุยครับ’ ร่วมให้การสนับสนุน และ พ.อ. เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้แทนรับหนังสือ
กมลรัตน์เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับปั๊มน้ำมันมีมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท ต้องหยุดดำเนินการนานถึง 3 เดือน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน จึงหวังว่ากระทรวงพลังงานจะเข้ามาช่วยดูแล เนื่องจากบริษัท ปตท. ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายโดยตรงและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการทำประกันภัยไว้ แต่ความคุ้มครองไม่ได้ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด ยังคงขาดอีกประมาณเกือบ 10 ล้านบาท กมลรัตน์ยืนยันว่า หากสถานการณ์สงบลงก็จะยังคงเปิดบริการที่เดิม เนื่องจากปั๊มแห่งนี้เป็นจุดอำนวยความสะดวกที่สำคัญของประชาชนในพื้นที่ชายแดน
พ.อ. เฟื่องวิชชุ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้หาแนวทางแก้ไขและเยียวยากรณีที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีกฎหมายรองรับโดยตรง รวมถึงจะถอดบทเรียนเพื่อเตรียมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต
อย่างไรก็ตามทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น PTT OR, กรมธุรกิจพลังงาน, 7-Eleven และบริษัทประกันภัย ควรเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการันตีการดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
ด้าน คณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ คปภ. ยืนยันในประเด็นเรื่องประกันภัยว่า สำนักงาน คปภ. จะให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และบริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบ โดยชี้แจงว่า แม้บางกรมธรรม์จะมีข้อยกเว้นเรื่องเหตุสงครามหรือการรุกราน แต่กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียง ‘การปะทะกันของทหาร 2 ฝ่ายตามแนวชายแดนเท่านั้น ไม่ใช่สงครามหรือการรุกรานแต่อย่างใด’
ดังนั้น คปภ. จึงมีมติร่วมกันว่า บริษัทประกันภัยทุกบริษัทไม่ควรนำเรื่องสงครามมาเป็นเหตุปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน และต้องชดใช้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย
สำหรับกรณีของปั๊มน้ำมันที่มีผู้เสียชีวิต คณานุสรณ์ระบุว่า ปั๊มน้ำมันดังกล่าวทำประกันภัยไว้ 2 ประเภท คือประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ซึ่งคุ้มครองอาคารทั้งหมดในปั๊ม และประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ซึ่งอาจไม่คุ้มครองเนื่องจากเป็นความเสียหายที่เกิดจากบุคคลภายนอก อย่างไรก็ตาม คปภ. ได้ประสานไปยังบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นสินไหมกรุณาแก่ผู้เสียชีวิตแล้ว
ในส่วนของกรณีเด็กนักเรียนที่เสียชีวิต พบว่ามีการทำประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มไว้ ซึ่ง คปภ. ประสานให้เตรียมดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วเช่นกัน โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วกว่ากรอบระยะเวลาปกติที่ 45 วัน