SENA มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส ลุยเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งคอนโด-แนวราบ มูลค่ารวม 6,700 ลบ. ส่งแคมเปญ “เฮ้ย! อยู่ก่อน กู้ทีหลัง” ขยายกลุ่มลูกค้า
SENA มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส ลุยเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งคอนโด-แนวราบ จำนวน 2,692 ยูนิต มูลค่ารวม 6,700 ลบ. พร้อมรุกแคมเปญ “เฮ้ย! อยู่ก่อน กู้ทีหลัง เปลี่ยนค่าเช่าเป็นเงินออม” เพิ่มโอกาสลูกค้ากลุ่มเช่าให้มีบ้านเป็นของตัวเอง
ผศ. ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ระบุว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัย ทั้งการชะลอตัวของกำลังซื้อ ภาระดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม กรณีการเปลี่ยนผ่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สร้างความหวังว่าทิศทางนโยบายการเงินจะเอื้อต่อการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยคาดว่าแนวทางการลดดอกเบี้ยและมาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะช่วยบรรเทาความกดดัน และสร้างโอกาสให้ตลาดฟื้นตัวอย่างมั่นคง ขณะเดียวกัน นโยบายภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นอีกปัจจัยบวกที่จะช่วยลดภาระด้านค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจอสังหาฯ ทางอ้อม
ทั้งนี้ แม้รายได้จากยอดขายในช่วงครึ่งปีแรก 2568 จะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่สามารถรักษากำไรสุทธิไว้ได้ดีจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกลยุทธ์สำคัญที่ SENA ใช้รับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอน คือการเน้นการกระจายพอร์ตสินค้าผสมผสานระหว่างแนวราบและคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตนเอง และต้องพึ่งพาสินเชื่อบ้าน นอกจากนี้ ยังเปิดตัวโครงการ “เฮ้ย อยู่ก่อน กู้ทีหลัง เปลี่ยนค่าเช่าเป็นเงินออม” ซึ่งเป็นโมเดลการให้เช่าแบบไฮบริด (Hybrid model) ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าเช่าอยู่ก่อน โดยเปลี่ยนค่าเช่าเป็นเงินออมสำหรับกู้ซื้อบ้านในอนาคต เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินในระยะสั้นและเพิ่มโอกาสเป็นเจ้าของบ้านได้จริงในระยะยาว
“เราพยายามทำโครงการ ‘เฮ้ย อยู่ก่อน กู้ทีหลัง’ เพื่อจับกลุ่มที่ไม่สามารถกู้ได้ในตอนนี้ ให้เขาเริ่มเข้าอยู่ได้ แล้วระหว่างนั้นเราช่วยเขาวางแผนทางการเงิน เพื่อให้เขามีเครดิตพอจะกู้ซื้อบ้านได้ในอนาคต” ผศ. ดร.เกษรา กล่าว
นอกจากนี้ SENA ยังเตรียมเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง จำนวน 2,692 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนกับ HHP จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ COZI รามอินทรา-คู้บอน, COZI ศรีนครินทร์ 38, COZI ลาดพร้าว และ COZI จอมทอง รวมถึงโครงการแนวราบ SENA Park Grand 2 รามอินทรา ที่จะเสริมทัพความหลากหลายของสินค้าบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัยกลุ่มนี้ พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการที่พร้อมโอนในปี 2568 อย่าง Flexi Mega Space Bangna จำนวน 807 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,300 ล้านบาท ที่คาดว่าจะช่วยหนุนยอดโอนและรายได้ในปีนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ SENA ยังพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ (Asset Turnover) โดยการบริหารห้องว่างให้เกิดรายได้จากการให้เช่า รวมทั้งปรับลดต้นทุนด้วยการใช้เศรษฐศาสตร์ขนาด (Economy of Scale) และเศรษฐศาสตร์แห่งขอบเขต (Economy of Scope) เพื่อเพิ่มกำไรต่อหน่วย
สำหรับทิศทางครึ่งปีหลัง มองว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากการฟื้นตัวของตลาดสินเชื่อบ้านและความชัดเจนในนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะเดียวกันกลยุทธ์การบริหารจัดการที่เน้นการตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยในทุกกลุ่มลูกค้า จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับรายได้และกำไรของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
“ในช่วงครึ่งปีหลังเราคาดหวังว่าจะยังเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องจากตัวเลขในไตรมาส 1 ที่มีการเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาฯ โดยแม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังความโดดเด่นมากนัก แต่เชื่อว่าจะยังทำกำไรได้ดี จากการคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า demand บางส่วนจะเริ่มกลับมา โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ ที่จับกลุ่มเรียลดีมานด์ ราคาจับต้องได้” ผศ. ดร.เกษรา กล่าวทิ้งท้าย