โฆษกกองทัพบก เผย ผลตรวจพื้นที่เกิดเหตุช่องบก พบ ทุ่นระเบิดใหม่ ในเขตไทย
เดินหน้ารายงานข้อเท็จจริงถึงรัฐบาล เพื่อประท้วง UN ชี้ ฝ่ายไทยมีความชอบธรรมในการใช้มาตรการตอบโต้อย่างเหมาะสม พร้อมขอให้เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
วันนี้ (19 ก.ค. 2568) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุกำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างปฏิบัติลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ จำนวน 8 ทุ่น ในพื้นที่เขตแดนไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่หน่วยจะรายงานข้อเท็จจริงถึงกองทัพบกและรัฐบาล เพื่อประท้วงผ่าน UN ต่อไป พร้อมเตรียมส่งทหารเข้าตรวจพื้นที่ และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน ควบคู่ไปกับใช้มาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม โดยข้อมูลนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ
กองทัพบกขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ ด้วยความรอบคอบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดี ที่สำคัญกองทัพบกตระหนักดีว่า ประชาชนของไทยและกัมพูชาไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน มิใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ถูกตีความผิด จนบานปลายไปสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน
พล.อ. พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุที่เกิดขึ้น ด้วยกำลังพลของกองทัพบกเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน โดยทันทีที่ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ต้นสังกัดติดตามการรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กำลังพลและครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันจะดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวให้ดีที่สุด โดยกองทัพบกมีความห่วงใยในความรู้สึกของครอบครัว และบุคคลใกล้ชิดของกำลังพลเสมอมา
ส่วนในเรื่องด่าน ผบ.ทบ. ได้ฝากเน้นย้ำว่า ในปัจจุบันฝ่ายไทยไม่ได้มีการ “ปิดด่าน” แต่อย่างใด เป็นเพียงการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการคัดกรองบุคคล และการบริหารเวลาเข้า-ออกให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคม โดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจ ผบ.ทบ. ขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า ทุกคนต่างทุ่มเท เสียสละ ทำหน้าที่ในด่านหน้าแทนพวกเราทุกคน ซึ่งกำลังใจจากสังคม อาจเป็นเหมือนของขวัญอันทรงคุณค่ายิ่ง รวมถึงความสามัคคีกันของคนในชาติย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้