คปภ. ยันชัด! ประกันต้องจ่ายเหตุปะทะชายแดนไม่ใช่สงคราม
เจ้าของปั๊มนํ้ามันถูกจรวด BM-21 ถล่ม ร้องกระทรวงพลังงาน เยียวยากว่า 20 ล้านบาท ด้าน คปภ. ยืนยันเหตุไม่เข้าข่ายสงคราม บริษัทประกันต้องจ่ายสินไหมทดแทนพร้อมเร่งช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและฟื้นฟูกิจการ
วันนี้(4 ส.ค. 68) นายชณทัต ปัทะมะภูวดล ผู้ก่อตั้งเพจ “ชณทัตลุยครับ” นําคุณกมลรัตน์ เจ้าของปั๊มน้ำมันที่โดนจรวด BM-21 ยิงใส่ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาหลังได้รับความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท เนื่องจากบริษัท ปตท. เป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายโดยตรงและอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน จึงมายื่นหนังสือเพื่อขอความเมตตาให้ผู้บริหารระดับสูงช่วยลงมาดูแล โดยมี พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้แทนรับหนังสือ
พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานว่าจะหาแนวทางในการแก้ไขและเยียวยาลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่มีกฎหมายรองรับนี้อย่างไรรวมถึงควรถอดบทเรียนหากอนาคตเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก ถ้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไม่ชี้ให้ชัดจะส่งผลให้ชาวบ้านและกิจการของคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนจะเป็นอย่างไรถ้าเขาคิดว่าต้องช่วยเหลือตัวเอง อย่างไรก็ตามตนอยากเรียนว่าในเรื่องข้อกฎหมายที่ต้องตีกันความไม่ว่าจะเป็นผลกระทบกับ PTT OR , กรมธุรกิจพลังงาน , 7-Eleven และบริษัทประกันภัยจะต้องออกมาช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่จุดสําคัญคือทาง คปภ. ได้ตีความในเรื่องของประกันอย่างไร
ด้าน นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ระบุว่า ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องประกันภัย สํานักงาน คปภ. ยืนยันว่าจะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบรวมถึงเยียวยากรณีที่บริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบ ส่วนประเด็นที่พูดกันว่าประกันภัยจะไม่จ่ายเนื่องจากเหตุสงครามนั้นมีข้อยกเว้นจริงและบางกรมธรรม์พูดถึงการรุกรานอีกด้วย แต่ต้องยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการปะทะกันของทหาร 2 ฝ่าย ตามแนวชายแดนเท่านั้นไม่ใช่สงครามแต่อย่างใดและไม่ใช่การรุกรานอีกด้วย
ดังนั้นเชื่อมั่นได้แน่ว่ากรณีที่ประชาชนรวมถึงปั้มนํ้ามันทําประกันเอาไว้บริษัทประกันภัยไม่ควรเอาเรื่องสงครามมาเป็นเหตุปฏิเสธไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งสํานักงาน คปภ. หารือมีมติตรงกันว่าบริษัทประกันภัยทุกบริษัทต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย
สําหรับกรณีปั้มนํ้ามันที่มีผู้เสียชีวิตด้วยนั้น นายคณานุสรณ์ กล่าวว่า ทางปั้มนํ้ามันดังกล่าวได้ทําประกันภัย 2 ประเภท คือ 1.ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน มีความคุ้มครองอาคารทั้งหมดในปั้ม 2.ประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก อาจจะไม่คุ้มครองเนื่องจากไม่ใช่ความเสียหายอันเกิดจากปั้มนํ้ามันแต่เกิดจากบุคคลภายนอก อย่างไรก็ตาม คปภ. ได้ประสานไปยังบริษัทประกันภัยนั้นๆให้ความช่วยเหลือเป็นสินไหมกรุณาให้แก่ผู้เสียชีวิต ส่วนกรณีมีเด็กนักเรียนเสียชีวิตพบว่ามีการทําประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มซึ่งได้ประสานให้เตรียมดําเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว ทั้งนี้จะเร่งดําเนินการให้เร็วกว่ากรอบระยะเวลา 45 วัน
ด้านคุณกมลรัตน์ กล่าวว่า การเข้ามาช่วยเหลือของกระทรวงพลังงานหวังว่าจะเป็นมีความคืบหน้าในการช่วยเหลือเยียวยาเพราะเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเรา แต่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศซึ่งผลการประเมินปั้มนํ้ามันต้องหยุดดําเนินการนาน 3 เดือน เบื้องต้นยอดรวมความเสียหายรวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าประกันที่ทําไว้นั้นไม่ได้โคฟเวอร์ทั้งหมด ยังขาดอีกประมาณเกือบ 10 ล้านบาท ทั้งนี้หากสถานการณ์สงบยืนยันว่าจะยังคงเปิดบริการที่เดิมเนื่องจากจุดนี้เหมือนบ้านที่สร้างความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นอย่างมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews