บพท.ร่วมกับ 25 มหาวิทยาลัย เข็นงานวิจัย 2 โครงการคว้ารางวัลรางวัลนวตกรรมยอดเยี่ยมเอเชียแปซิฟิก ปี’68
บพท.ร่วมกับ 25 มหาวิทยาลัย เข็นงานวิจัย 2 โครงการ คว้ารางวัลนวตกรรมภาครัฐยอดเยี่ยมแห่งเอเชียแปซิฟิก ปี’68 จากนิตยสาร ‘Gov Media Magazine’
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า โครงการวิจัยแก้ปัญหาความยากจน ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ซึ่ง บพท. ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่นำร่อง 20 จังหวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ ที่มีปัญหาความยากจนกระจุกตัวในระดับสูง และโครงการวิจัยบ่มเพาะ และเร่งรัดกระบวนการ เพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ ซึ่ง บพท. ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย และเทศบาลนคร เทศบาลเมือง จำนวน 18 เมืองทั่วประะเทศ ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลนวัตกรรมภาครัฐยอดเยี่ยมแห่งเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2568 หรือ “Gov Award 2025” จากนิตยสารกอฟมีเดีย (Gov Media Magazine) ซึ่งเป็นองค์กรสื่อระดับนานาชาติ ในเครือชาร์ลส์ มีเดียกรุ๊ป ที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์
“ในฐานะตัวแทนของกระทรวง อว. ประเทศไทย เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ 2 โครงการวิจัยที่ บพท. และมหาวิทยาลัย ร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่เป้าหมายนำร่อง ทุ่มเทริเริ่มดำเนินการร่วมกัน ได้รับรางวัลนวัตกรรมภาครัฐยอดเยี่ยมแห่งเอเชียแปซิฟิกประจำปีนี้ โดยผ่านการกระบวนการพิจารณาอย่างเข้มข้น จากคณะกรรมการรางวัลที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรตรวจสอบที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับระดับโลก 3 องค์กรคือ เคพีเอ็มจี , เอิร์นแอนด์ยัง หรือ “อีวาย” และไพร์ซ วอเตอร์เฮาส์ (พีดับบลิวซี) ซึ่งต้องขอขอบคุณกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่สนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อนงานนี้”
ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า เกณฑ์ในการพิจารณาของคณะกรรมการตัดสิน จะตรวจสอบครอบคลุม 5 ประเด็นคือ 1) หลักการเหตุผลความเป็นมาของโครงการวิจัย 2) ความเป็นนวัตกรรมต้นแบบ ที่เกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ และกระบวนการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เป็นรูปธรรม 3) ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย 4) ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อองค์กร ชุมชน และภาคีเครือข่าย และ 5) เป็นนวัตกรรมที่มีความเป็นพลวัตร ยืดหยุ่นไปได้กับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งโครงการวิจัยแก้ปัญหาความยากจน ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ และโครงการวิจัยบ่มเพาะ และเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ สามารถสอบผ่านการตรวจสอบได้อย่างครบถ้วน
โครงการวิจัยแก้ปัญหาความยากจน ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ มุ่งมั่นยุติความยากจนทุกรูปแบบ ยุติความหิวโหย และสร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nation Sustainable Development Goals -UN-SDGs) ซึ่ง บพท. ร่วมกับ 18 มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ , มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี , มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตปัตตานี) , มหาวิทยาลัยทักษิณ , มหาวิทยาลัยนเรศวร , มหาวิทยานราธิวาสราชนครินทร์ , มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร , มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ , มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ , มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด , มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา , มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา , มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง , วิทยาลัยชุมชนยโสธร , วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร , สถาบันวิทยาลัยชุมชน และ วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน ดำเนินโครงการวิจัยแก้ปัญหาความยากจน ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ใน 20 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กาฬสินธุ์ , อำนาจเจริญ , สกลนคร , ศรีสะเกษ , สุรินทร์ , ยโสธร , มุกดาหาร , ชัยนาท , แม่ฮ่องสอน , ปัตตานี , อุบลราชธานี , บุรีรัมย์ , ร้อยเอ็ด , นครราชสีมา , เลย , พัทลุง , ยะลา , นราธิวาส , พิษณุโลก และลำปาง
ผลลัพธ์และผลกระทบที่เป็นรูปธรรมจากโครงการวิจัยแก้ปัญหาความยากจนฯ คือ1) ทำให้ครัวเรือนคนจนกลุ่มเป้าหมายมีทักษะอาชีพ แสวงหารายได้พึ่งพาตัวเองได้ 2) ครัวเรือนคนจนกลุ่มเป้าหมายมีรายได้ดีขึ้นเฉลี่ย 20% 3) เกิดวิสาหกิจชุมชน 4) เกิดกองทุนสวัสดิการชุมชน 5) เกิดกลไกความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อขจัดความยากจน 6) เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะ ซึ่งถูกทิ้งร้าง ในการทำเกษตรแปลงรวม 7) ชุมชนเข้มแข็ง และ 8) สมาชิกในชุมชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
สำหรับโครงการวิจัยบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการ เพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บพท. สมาคมเทศบาลนครและเมือง กับ 12 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , มหาวิทยาลัยบูรพา , มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ , มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ , มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด , จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง , มหาวิทยาลัยนเรศวร , มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง ดำเนินโครงการใน 18 พื้นที่ 18 เมืองนำร่อง ได้แก่ เทศบาลเมืองลำพูน , พนัสนิคม , ทุ่งสง , ศรีสะเกษ , กาฬสินธุ์ , ร้อยเอ็ด , สระบุรี , แพร่ , ชุมพร , นครสวรรค์ , แม่เหียะ และเทศบาลนครนนทบุรี , ปากเกร็ด , สกลนคร , เชียงราย , พิษณุโลก , ลำปาง และนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้โดยมุ่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองน่าอยู่ ผ่านกระบวนการบ่มเพาะองค์ความรู้ ด้วยชุดความรู้ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่และบริบทสังคม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และการเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนาเมือง โดยยึดหลักการพัฒนาเมืองอย่างสมดุลและยั่งยืน เน้นการขับเคลื่อนและผลักดันโครงการวิจัยในระดับเทศบาลเมืองและเทศบาลนครให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญคือ 1) การใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง 2) การพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กันการพัฒนาสังคม 3) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคเอกชน 4) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน