"บิ๊กหวาน" เผย กัมพูชา ไม่ให้ความร่วมมือปราบแก๊งคอลเซนเตอร์
"บิ๊กหวาน" เผย กัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ เตรียมประสานนานาชาติกดดัน พร้อมดำเนินคดีเจ้าของตึก 18 กับ 25 ชั้น ฐานปฏิบัติการ
(26 มิ.ย. 2568) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่าวันนี้เป็นการเปิดตัวแคมเปญ "รีบโอนโจรยิ้ม" ภายใต้โครงการ "Thai Cyber Ranger" เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน โดยผ่านเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และภาคธุรกิจต่างๆ ร่วมถึงภาครัฐ ที่จะช่วยกันในการเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อให้คนไทยคิดก่อนโอนรู้ทันโจร โดยมีเป้าหมายให้คนอย่างน้อย 10 ล้านคน รู้เท่าทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลังจากนี้ทางตำรวจจะมีมาตรการอย่างไร ในการประสานโอนเงินคืนให้กับผู้เสียหาย ระบุว่าเรื่องการคืนเงินให้กับผู้เสียหายเป็นเรื่องที่ทางตำรวจให้ความสำคัญ โดยในเรื่องนี้ทางตำรวจไซเบอร์จะเป็นผู้ดำเนินการ หากส่วนไหนที่สามารถตรวจสอบเส้นเงินและสามารถอายัดเส้นเงินได้ทันก็จะทำการโอนเงินคืนให้กับผู้เสียหาย โดยภาพรวมตอนนี้สามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้จำนวน 2,220 ล้านบาท แต่การอายัดเงินยังทำได้น้อย เนื่องจากกว่าผู้เสียหายจะรู้ตัว เงินก็กระจายไปหลายที่แล้ว
ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งวอร์รูม โดยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย กสทช. และหน่วยงานต่างประเทศ UNODC เพื่อจะติดตามทุกคดีที่เกิดขึ้นทุกคดี คาดว่าจะเรียบร้อยภายในกลางเดือนหน้า
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า สถานการณ์หลังการปิดด่าน และการตัดระบบโทรคมนาคมในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาส่งผลให้แนวโน้มการหลอกลวงทางไซเบอร์มีแนวโน้มลดลง โดยพบว่าปัจจุบันการหลอกลวงทางไซเบอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีประเทศกัมพูชาเป็นที่ตั้งฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอันดับ 1 ซึ่งปัจจุบันได้มีการสกัดกั้นทางภาคพื้น คือตามพื้นที่แนวชายแดน และระบบโทรคมนาคมต่างๆ ไปในระดับหนึ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดจากการโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงซึ่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตจะถูกตัดบ่อยครั้ง เป็นผลมาจากการตัดระบบโทรคมนาคมของบริเวณชายแดนกัมพูชา
นอกจากนี้ประเทศไทยเตรียมดำเนินการทางคดีกับเจ้าของตึกตึก 25 ชั้น และ18 ชั้น ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลไปถึงเจ้าของตึกทั้ง 2 หลัง เพื่อเอาผิดทางคดีคอลเซ็นเตอร์ ต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากประเทศกัมพูชาในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ และเมื่อมีสถานการณ์ความตึงเครียดที่ชายแดน ก็ยังไม่ได้มีการติดต่อกับทางตำรวจกัมพูชา หรือทางการของกัมพูชาในการประสานข้อมูลในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ถึงอย่างไรประเทศกัมพูชา และประเทศไทย นั้นเป็นสมาชิก UNODC และ อินเตอร์โพล ที่อยู่ประเทศสมาชิกจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข และกฎบัตรที่มีอยู่ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะใช้ความร่วมมือ องค์กรระหว่างประเทศไปบังคับ ใช้กฎหมายเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา
ส่วนความเป็นไปได้ในการขอความร่วมมือประเทศกัมพูชาในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องรอดูสถานการณ์ของทั้ง 2 ประเทศอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการขยายผลไปถึงกลุ่มทุนเทาต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับกัมพูชา โดยเฉพาะกลุ่มฮุยวัน กรุ๊ป ตำรวจมีข้อมูลในระดับหนึ่งว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวบ้าง แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าบริษัทดังกล่าวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้จะมีข้อมูลจาก สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC เรื่องการตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเส้นทางการเงิน ก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ดำเนินคดีทางกฎหมายได้ จึงต้องแสวงหาพยานหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมเพราะบริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการตั้งฐานอยู่ในประเทศไทย
ส่วนกรณีที่ฑูตสหรัฐเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ พล.อ.อ.ธัลชัย ระบุว่า พร้อมให้ความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเตรียมประสานขอข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มเครือข่าย และผู้เกี่ยวข้องต่างๆมาใช้ประกอบในการดำเนินคดี รวมถึงการจับตาดูผู้ที่เดินทางเข้าออกประเทศบริเวณชายแดนที่กำลังมีปัญหาว่าจะมีบุคคลใดที่มีหมายจับ หรือเป็นที่จับตามองของนานาชาติและตามหมายของประเทศไทยหรือไม่