ผู้ว่าฯขอนแก่น ฉุนขาด! ม.ดัง ปล่อยให้อาจารย์ระดับสูงเป็นเอเยนต์ค้ายาไอซ์
ผู้ว่าฯขอนแก่น ฉุนขาด หลัง ม.ดัง ปล่อยให้อาจารย์ระดับสูงเป็นเอเยนต์ค้ายาไอซ์ ทั้งที่สอน นศ.ทุกวัน เตรียมเสนอสภามหาวิทยาลัยขันน๊อตบุคลากรการศึกษาทุกคณะฯ พร้อมจับสึกพระ ให้ออกกำนัน-ผญบ. ฉี่ม่วง ก่อนคุมตัวเข้ากระบวนการบำบัดรักษา
23 ก.ค. 2568- ที่ศูนย์ป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด จ.ขอนแก่น ชั้น 5 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงศ์วิจารณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วยผู้แทน มทบ.23,ปปส.ภ.4 และ สสจ.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด จ.ขอนแก่น หลังเปิดปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามแผนปฎิบัติงานระยะที่ 2 ด้วยการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะเจ้าหน้าที่ของรัฐ พบผลเป็นบวก 105 ราย กำนันและ ผญบ.3 ราย โดยให้ออกและเข้าสู่การบำบัดขณะเดียวกันจากการสุ่มตรวจพระสงฆ์ พบผลบวก 42 รูป ซึ่งให้ทำการลาสิกขาและเข้าสู่ขั้นตอนของการบำบัด
นายไกรสร กล่าวว่า ผลการปฎิบัติ ตั้งแต่วันที่ 17-23 ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 276 ราย แยกเป็นผู้เสพ 32 ราย และผู้ค้า 244 ราย ตรวจยึดของกลางยาบ้า 11,048 เม็ด ยาไอซ์ 36 กรัม อาวุธปืน 49 กระบอก เครื่องกระสุน 589 นัด ยึดทรัพย์ 1,683,080 ราย และจับกุมผู้ต้องหาหมายจับค้างเก่า 39 ราย
"สำหรับการจับกุมอาจารย์ระดับสูง ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมของกลางยาไอซ์นั้น โดยหลักกฎหมายยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ที่ศาลตัดสิน แต่ที่กังวลคทอทำไมทางต้นสังกัดจึงปล่อยไว้จริงๆมีเรื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว ต้องคิดถึงหัวอกพ่อแม่ผู้ปกครองเอาลูกหลานไปฝากครูมาทำตัวแบบนี้ พอมหาวิทยาลัยไม่ทำอะไรเอาไปบำบัดปีนี้ยกฐานะเป็นผู้ค้าเองจากผู้เสพจะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภามาหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อกำชับหน่วยงานในสังกัดทุกคณะ และตอนนี้ได้ทำหนังสือถึงอธิการบดีฯแล้ว"
ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่า ในระบบหรือนอกระบบราชการควรจะมีมาตราฐานจริยธรรมของความเป็นครูอาจารย์ต้องมีมาตราฐานการประพฤติปฏิบัติตนให้มากกว่าคนอื่นๆ สำหรับผู้เสพคือผู้ป่วยสำหรับชาวบ้านฟังได้แต่ข้าราชการฟังไม่ขึ้นในหน่วยงานจะมีคนแบบนี้มาลอยหน้าลอยตาไม่งามอายคนอื่น จากการตรวจปัสสาวะกวาดบ้านตัวเองเจอข้าราชการเสพให้ออกจากราชการหมดทุกคนจะมานั่งอยู่ในที่ราชการไม่ได้ให้ออกหมดและส่งตัวเข้าบำบัด กรณีที่บุคลากรเป็นผู้ค้าเองต้นสังกัดต้องรับผิดชอบเราแจ้งไปแล้วเหตุอะไรถึงไม่ทำจะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภามหาวิทยาลัยอีกที