อายิโนะโมะโต๊ะ เผย 3 แผนใหญ่ ปี 68 หลังทำรายได้ 3.2 หมื่นล้าน
อายิโนะโมะโต๊ะ บริษัทผงชูรสชื่อดังเปิดกลยุทธ์ปีใหม่ เน้นคนรุ่นใหม่ นักกีฬา และเทคโนโลยีช่วยเกษตรกร
บริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 หลังประสบความสำเร็จปีที่แล้วด้วยรายได้ 32,663 ล้านบาท และขายอาหารเพื่อสุขภาพได้ 248 ล้านมื้อ จนได้อันดับ 6 ของบริษัทอาหารใหญ่ที่สุดในไทย ผ่าน 3 แผนใหญ่ เจาะใจคนรุ่นใหม่
คุณอิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เล่าว่า บริษัทมี 3 แผนหลักสำหรับปีนี้ เพื่อรับมือกับปัญหาราคาแพง พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยน และกระแสรักษ์โลก
POCK
- ขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น
บริษัทจะรีแบรนด์ผงชูรสให้ดูทันสมัยขึ้น โดยใช้ “AjiPanda” เป็นตัวแทนแบรนด์ทั่วโลก เพื่อสื่อสารให้เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย สำหรับเบอร์ดี้ก็จะเปิดตัวสูตรเพื่อสุขภาพและ “เบอร์ดี้คาเฟ่” แบบขวด PET เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทจะขยายไลน์อาหารแช่แข็งสไตล์ญี่ปุ่นและผลิตภัณฑ์ Ready-to-eat เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตอย่างรีบเร่ง พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดอะมิโนจากนวัตกรรม “AminoScience” เจาะกลุ่มคนรักกีฬาและใส่ใจสุขภาพ
นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน i-LiveWell สำหรับคนเงินเดือนที่ต้องการกินดีมีสุข โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรธนาคาร ประกันสุขภาพ โค้ชสุขภาพ และ telemedicine
- สนับสนุนโภชนาการกีฬา
บริษัทจะสานต่อโครงการ Thailand Victory Project เป็นปีที่ 7 โดยสนับสนุนกีฬาซีเกมส์ 2025 ด้วยแผนโภชนาการพิเศษ “Winning Meals® Kachimeshi” ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมศักยภาพนักกีฬาทีมชาติไทย
ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เจลพลังงานอะมิโนไวทัลที่อุดมด้วยกรดอะมิโน และจะเปิดตัว Ajinomoto Victory Canteen ซึ่งเป็นห้องอาหารนักกีฬาลุคใหม่ที่เน้นโภชนาการที่ดีและพื้นที่กิจกรรมสำหรับพัฒนาศักยภาพและปลดล็อกพลังแห่งชัยชนะของทัพนักกีฬาไทย
- เทคโนโลยี FarmAI เพื่อความยั่งยืน
บริษัทตั้งเป้าลดคาร์บอนและเพิ่มการตรวจสอบย้อนกลับใน “Thai Farmer Better Life Partner” ให้ได้ 45,000 ตัน หรือประมาณ 30% โดยมีแอปพลิเคชัน FarmAI เป็นเครื่องมือใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการตรวจสอบใน ecosystem
นอกจากนี้ยังจะเดินหน้าโมเดล Ajinomoto FD Green แบบ one-stop service ด้วยการสร้างเครือข่ายเกษตรกรอย่างครบวงจร ผ่านการใช้เทคโนโลยีในการยกระดับการเกษตร เพิ่มผลผลิตและให้ความรู้แก่เกษตรกรมันสำปะหลังและกาแฟเพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพ พร้อมลดคาร์บอนตามเป้าหมายใน Scope 3
ผลงานที่น่าประทับใจในปี 2567
บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดที่แกร่งในหลายหมวด โดยผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะครองส่วนแบ่งตลาด 90% รสดีครอง 80% และกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ครอง 50%
สำหรับการเติบโตที่โดดเด่นคือกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกรดอะมิโนเติบโต 30% และอาหารแช่แข็งเติบโต 80% ขณะที่นวัตกรรมอาหารโดยรวมเติบโต 24%
ด้านความยั่งยืน บริษัทประสบความสำเร็จในการลดคาร์บอน Scope 1&2 ถึง 92% ลดของเสียจากอาหาร 82% (1,600 ตัน) ลดการใช้น้ำ 92% เก็บกลับพลาสติกผ่าน Upcycling ได้ 1.5 ล้านชิ้น และติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์เกือบ 100% ของโรงงาน
ความท้าทายของตลาดอาหารปี 2567
ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารในปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความท้าทาย 3 ด้านหลัก ได้แก่ ปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ราคาวัตถุดิบพุ่งสูงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน กระแส ESG ที่บริษัททั่วโลกต้องมุ่งสู่เป้าหมาย “Net Zero” และมาตรฐานการดำเนินงานที่เข้มงวดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาสินค้าคุ้มค่า ราคาเหมาะสม รวมถึงโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ
เรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง