ทำความรู้จักระเบิด MK-84 หรือ ไข่ยักษ์เบอร์ 0
วันที่ 3 ส.ค. 2568 เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force ได้มีการโพสต์ข้อความให้ความรู้ระบุว่า ระเบิด Mark 84 (MK-84) หรือที่รู้จักกันในชื่อ BLU-117 (Bomb Live Unit-117) เป็นระเบิดอากาศเอนกประสงค์ขนาด 2,000 ปอนด์ (ประมาณ 907 กิโลกรัม) ผลิตโดยสหรัฐอเมริกา จัดอยู่ในตระกูล Mark 80 series ของระเบิด Low Drag General Purpose (LDGP) ซึ่งหมายถึงระเบิดที่ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงเพรียวลู่ลม ลดแรงต้านอากาศ ทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ระเบิดตระกูล Mark 80 นี้ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการทิ้งระเบิดส่วนใหญ่ที่ต้องการผลกระทบจากการระเบิดและแรงระเบิดสูงสุด Mk 84 ถือเป็นระเบิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูล Mark 80 และได้เริ่มเข้าประจำการในช่วงทศวรรษ 1950s โดยมีการใช้งานอย่างแพร่หลายตั้งแต่สงครามเวียดนามมาจนถึงปัจจุบัน
ในส่วนของโครงสร้าง Mk 84 มีความยาวประมาณ 129 นิ้ว (ประมาณ 3.28 เมตร) และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 นิ้ว (ประมาณ 46 เซนติเมตร) น้ำหนักของระเบิดโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 2,039 ปอนด์ (ประมาณ 925 กิโลกรัม) ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของน้ำหนักทั้งหมดคือสารระเบิด โดยบรรจุสารระเบิด Tritonal หรือ H-6 เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็นประมาณ 945 ปอนด์ (ประมาณ 429 กิโลกรัม) ด้วยพลังทำลายล้างนี้ Mk 84 สามารถสร้างหลุมระเบิดได้กว้างถึง 50 ฟุต (ประมาณ 15 เมตร) และลึกถึง 36 ฟุต (ประมาณ 11 เมตร) นอกจากนี้ยังสามารถเจาะทะลุเหล็กได้หนาถึง 15 นิ้ว (ประมาณ 38 เซนติเมตร) หรือคอนกรีตหนา 11 ฟุต (ประมาณ 3.4 เมตร) ขึ้นอยู่กับระดับความสูงที่ถูกปล่อยลงมา และยังก่อให้เกิดการกระจายตัวของสะเก็ดระเบิดที่อันตรายในรัศมีประมาณ 400 ฟุต (ประมาณ 120 เมตร) ระเบิดนี้สามารถติดตั้งฟิวส์ได้หลากหลายชนิด ทั้งแบบกลไกและไฟฟ้า ทั้งที่ส่วนหัวและส่วนท้าย เพื่อควบคุมลักษณะการระเบิด
สำหรับการผลิตและราคา ระเบิด Mk 84 ได้รับการผลิตโดยผู้ผลิตหลายราย เช่น General Dynamics Ordnance and Tactical Systems ในอดีตมีข้อมูลระบุว่า ราคาต่อหน่วยของระเบิด Mk 84 (แบบไม่นำวิถี) อยู่ที่ประมาณ 3,100 เหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูลจากช่วงสงครามอ่าว) หรือบางแหล่งข้อมูลจากงบประมาณของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ระบุว่าระเบิด Mk 84 แบบไม่นำวิถีมีราคาอยู่ที่ประมาณ 16,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อลูก (ข้อมูลปี 2020) อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าราคานี้เป็นเพียงราคาของ "ตัวระเบิดเปล่า" (bomb body) เท่านั้น หากมีการติดตั้งชุดนำวิถี เช่น ชุด JDAM (Joint Direct Attack Munition) หรือ Paveway (laser-guided bomb kit) เข้าไป จะทำให้ระเบิดเปลี่ยนจาก ระเบิดไม่นำวิถี (dumb bomb) กลายเป็น ระเบิดนำวิถี (smart bomb) ซึ่งราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ชุด JDAM เพียงอย่างเดียวอาจมีราคาต่อหน่วยอยู่ระหว่าง 21,000 - 36,000 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับรุ่นและข้อกำหนด
Mark 84 ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในหลายความขัดแย้งทั่วโลก เช่น สงครามเวียดนาม, สงครามอ่าว, สงครามอิรัก, สงครามอัฟกานิสถาน, การทิ้งระเบิดในยูโกสลาเวีย, สงครามในฉนวนกาซาของอิสราเอล และอื่นๆ อีกมากมาย แม้จะเป็นระเบิดที่ไม่นำวิถีในรูปแบบพื้นฐาน แต่ความยืดหยุ่นของมันทำให้สามารถนำไปปรับใช้เป็นหัวรบสำหรับระบบอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูงได้หลากหลาย เช่น GBU-10/GBU-24/GBU-27 Paveway (ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์), GBU-15 (ระเบิดควบคุมด้วยไฟฟ้า-แสง), GBU-31 JDAM (ระเบิดนำวิถีด้วย GPS) และ Quickstrike sea mines เป็นต้น ความสามารถในการติดตั้งชุดนำวิถีเหล่านี้ทำให้ Mk 84 ยังคงเป็นอาวุธมาตรฐานที่ทรงประสิทธิภาพในคลังแสงของกองทัพเรือและกองทัพอากาศสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอีกหลายแห่งในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก Army Military Force