“แพทองธาร” ประเดิมวัฒนธรรม สั่งดัน 4 ซอฟต์พาวเวอร์ ประคองเศรษฐกิจ
วันนี้ (4 กรกฎาคม 2568) ที่กระทรวงวัฒนธรรม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ได้ประชุมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้กับผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ภายหลังจากได้เดินทางเข้าปฎิบัติงานที่กระทรวงวัฒนธรรมในฐานะรมว.วัฒนธรรม เป็นวันแรก
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ฝากให้ผู้บริหารกระทรวงช่วยกันผลักดัน และมีหลายข้อที่อยากมาอัพเดทให้ฟัง โดยเรื่องแรกขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอมเกี่ยวกับประเด็นไทยจะคืนโบราณวัตถุ 20 รายการ ให้กับทางกัมพูชา เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
โดยการคืนโบราณวัตถุให้กัมพูชามีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2558 โดยคืนไปแล้ว 23 รายการ จากจำนวน 43 รายการ ที่มีการลักลอบนำเข้าจากสิงคโปร์ หลังจากตรวจสอบว่าเป็นของกัมพูชา
ต่อมาในปี 2567 สมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้ส่งมอบโบราณวัตถุ 20 รายการ ให้กับกัมพูชา ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ หลังจากกรมศิลปากร และคณะผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าโบราณวัตถุ มีต้นกำเนิดจากกัมพูชา
ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณในการจัดส่งคืน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างไทย-กัมพูชา ในตอนนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรมจึงมีความเห็นให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป
ส่วนอีกประเด็นเป็นเรื่องโบราณสถานในกลุ่มปราสาทตาเมือน กระทรวงวัฒนธรรมได้ยืนยันว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนเป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และมีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว และในส่วนของพื้นที่อื่น ๆ ก็ได้รับการรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศด้วยว่า จะเร่งดำเนินการรักษาไว้ซึ่งดินแดนและอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน
"ในการปล่อยข่าวปลุกปั่นต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดผลเสียและผลกระทบ ก็ต้องดำเนินการต่อไป" น.ส.แพทองธาร ระบุ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังผลักดันเรื่องการสนับสนุนเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ผ่านมาตรการ Cash Rebate 30% และต้องการสนับสนุนภาพยนยนตร์ไทยให้ไปไกลมากขึ้นด้วย ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่จะผลักดันภาพของประเทศไทยไปยังต่างประเทศมากขึ้น
ต่อมาคือการผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งรัฐบาลต้องการผลักดันเป็นแผนเร่งด่วน หรือ ควิกวิน 4 อุตสาหกรรม นั่นคือ ภาพยนตร์ อาหาร มวยไทย และเวลเนส ซึ่งอุตสาหกรรมทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างงาน พร้อมเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ที่พัก โรงแรม ร้านอาหารเข้ามาร่วมกันด้วย ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องการอยากเห็นผลงานให้ออกมาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว