“จ๋าย ไททศมิตร” ฉ่ำหัวใจ! แฟนคลับวัยมัธยมกรี๊ดห้างแตก แพลนอีก 10 ปีรับงานน้อยลง
“จ๋าย ไททศมิตร” ฉ่ำหัวใจ!แฟนคลับวัยมัธยมกรี๊ดห้างแตก แพลนอีก 10 ปีรับงานน้อยลง
ทำเอานักร้องหนุ่ม“จ๋าย อิชณน์กร” หรือ “จ๋าย ไททศมิตร” ชุ่มฉ่ำหัวใจ เมื่อได้เจอกับกลุ่มแฟนเพลงนักเรียนวัยมัธยม แห่กรี๊ดคอนเสิร์ตทำเอาห้างแตก ทำให้ในปีนี้ทางวงได้เปลี่ยนอะไรใหม่ๆ รับงานกลางวันในห้างมากขึ้น งานนี้เจอหนุ่ม“จ๋าย” เลยถามถึงเรื่องนี้…
“เล่นคอนเสิร์ตห้างแตกเป็นสิ่งที่ชุ่มฉ่ำหัวใจ มันได้อะไรใหม่ๆ ในการเล่นคอนเสิร์ต วงเรา 7-8 ปีที่ผ่านมา ทำงานหนักไปงานกลางซะส่วนใหญ่ ร้านเหล้า คอนเสิร์ตต่างๆ ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกับคนอีกแบบนึง หรือน้องๆ มัธยมจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูพวกผมเท่าไหร่ ในปีนี้เราเลยเปลี่ยนสไตล์ในการรับงานใหม่ บอกผู้จัดการเลยว่าเราอยากเล่นงานกลางวัน เราอยากรับงานในห้างมากขึ้นเพื่อที่จะไปเจอน้องๆ มัธยมมากขึ้น ซึ่งแฟนคลับเจนนี้เยอะมากก็ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่างานในห้างมันจะเยอะขนาดนี้ สนุกดี จริงๆ ก็เป็นการตีตลาดด้วย แต่เราไม่คิดว่ามันจะมีอยู่แล้ว เราไม่คิดว่าคนจะเยอะ เราเป็นหน้าใหม่ในงานกลางวันแล้วกัน แค่ได้มาเล่นในห้างได้อะไรใหม่ๆ เราก็ดีใจแล้ว
ปีนี้จะมีโปรเจ็กต์ใหม่ ในเรื่องของประเด็นสังคมในตอนนั้นหรือว่าแนวคิดเราในตอนนั้นมันไปทัชชิ่งกับอะไร เราก็หาวิธีการนำเสนอที่คนจะเข้าใจได้ง่ายที่สุด จุดคาดหวังของวงถ้าพูดถึงตอนนี้ปีนี้ผมก็ 33 ย่าง 34 แล้ว น่าจะอยู่ได้อีก 10 ปี หมายถึงว่าทำงานไหวอีก 10 ปี เราก็เลยตั้งเป้าว่า 10 ปีนี้ก็อยากไปได้ไกลมากที่สุด แต่ก็ไม่ได้มองถึงโกลบอลเลย เราไม่ได้มีความคิดเรื่องโกลบอลหรือว่าโกทูเมืองนอกเลย เพราะว่าเจียมตัว ด้วยเนเจอร์ของวงแล้วด้วยเรารู้ว่าวงเราเหมาะกับไทยมากที่สุดแล้ว เราก็พุ่งเป้าไปที่ไทยเป็นหลักเลย ตอนนี้มันเริ่มกว้างมากขึ้นแล้ว ความจริงก็มีไอดอลตัวอย่างจากศิลปินรุ่นพี่ วงที่ประสบความสำเร็จ พี่ๆ บอดี้สแลม พี่ๆ คาราบาว พี่เสก โลโซ ที่เขาเคยทำมาตรฐานต่างๆ ไว้ ถ้ามีโอกาสเราทำได้ เราก็อยากไปถึงแต่ต่างประเทศเราไม่ได้มองเลย ส่วนใหญ่การไปเล่นเมืองนอกของไททศมิตร ก็จะเป็นการที่พาทีมงานเพื่อนๆ ไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า ไปทัวร์แล้วก็ได้ไปเที่ยวด้วย แต่ถามว่าไปเพื่อจะไปเติบโตมั้ย เราไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลย เพราะว่าแม้แต่เพลงที่เราเขียน เวลาเขียนเพลงเราก็คิดถึงหน้าคนไทย เราไม่ได้เขียนให้ฝรั่งฟัง เมื่อไหร่ที่เราเขียนให้ฝรั่งหรือคนต่างชาติฟัง คนที่เป็นแฟนเพลงฐานเดิมเราเขาอาจจะไม่เก็ต ดังนั้นเราก็เลือกชัดไปเลยเอาแค่คนไทยให้มันกว้างขึ้น ถ้ามันจะฟลุคแบบไปดังในต่างประเทศได้ก็แล้วแต่
วางแผนไว้ว่าอีก 10 ปีไม่แน่ใจว่าเกษียณมั้ย ผมว่าน่าจะเกษียณ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้หรอก เพราะว่าวงเราให้ความสำคัญเรื่องการดูแลทีมงานเพื่อนๆ ด้วย อาจจะต้องดูอีกทีว่าทีมงานหรือเพื่อนๆ ผมเขามีอาชีพที่มั่นคงหรือมีทางไปได้มากกว่านี้มั้ย ถ้าเรายังมีความสุขที่ยังทำอยู่แต่อาจจะไม่หนักเท่านี้ พูดตรงๆ ว่าทุกวันนี้มันหนักมากนะ อาจจะไม่เข้มข้นเท่านี้ วงไม่ได้แตก ไม่ได้แยกวง แต่เราอาจจะพักวงไปเลย อาจจะมีคอนเสิร์ตนานๆ ทีทุกคนก็แยกย้ายไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง
เฟดจากงานหนักรู้สึกว่าเราเข้าใจธรรมชาติมากกว่า วันนั้นที่ผมอายุ 43 จะให้ผมมาพูดให้มันเทรนดิ้งเท่าอายุ 20 กว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขียนเพลงให้แมสเท่าน้องๆ อายุ 20 ที่เขาอยู่กับคนกับโซเชียลมากกว่าผม มันเป็นไปไม่ได้ ผมจะต้องเขียนเพลงอะไรแก่ๆ มา คนฟังก็แบบ อี๋แก่ เรารู้ตัวเองไง ผมว่าแฟนเพลงก็จะแก่ตาม เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ไม่ค่อยมีเวลามาตามทุกคอนเสิร์ตอยู่แล้ว ดังนั้นผมว่ามันก็เป็นหมุดหมายที่ดีในแต่ละปีจัดคอนเสิร์ตบ้าง เราก็มาเจอกันตามงานต่างๆ ไม่ได้หายไปไหน”