คณะสงฆ์เรียก ‘เจ้าคุณประสิทธิ์’ ชี้แจง ปมความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ‘สีกากอล์ฟ’
เมื่อวันที่ 14 ก.ค. พระครูวินัยธรวิเชียร วชิรธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ผู้แทนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีพระเทพปวรเมธี หรือ เจ้าคุณประสิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ ว่า ขณะนี้คณะสงฆ์ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการในการพิจารณาข้อเท็จจริง โดยจะต้องเรียกพระเทพปวรเมธี มาให้ข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการ และหากท่านมาให้การกับคณะกรรมการ และคณะกรรมการก็จะต้องมีข้อมูลที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบการพิจารณาทางพระวินัย ซึ่งโทษทางพระวินัย หากละเมิดข้อกำหนดทางพระพุทธศาสนาจะต้องอาบัติปราชิก โดยข้อกำหนดในการอาบัติปราชิก ประกอบด้วย เสพเมถุน, การลักขโมย, การฆ่ามนุษย์ หรือพูดให้คนอื่นฆ่าตัวตายสำเร็จ, ผู้อวดคุณวิเศษ หรืออวดอุตริ
ดังนั้นถ้าพระรูปใดละเมิดในสี่ข้อนี้ จะต้องสึกอย่างเดียว แต่ถ้าภิกษุใดมีความสัมพันธ์ในการจับต้องกายสุภาพสตรีด้วยความกำหนัด พูดเกี้ยวพาราสี เซ็กซ์โฟน เป็นพ่อสื่อแม่ชัก หรือช่วยตัวเองสำเร็จ จะถือว่าเป็นสังฆาทิเสส คือโทษทางวินัยอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนโทษทางโลกก็จะเป็นคดีอาญา ซึ่งโทษทางโลกถือเป็นจริยาพระสังฆาธิการ สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นไป
ส่วนท่านลาสิกขาหรือยังนั้น ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล แต่การจะลาสิกขาจะต้องดูเงื่อนไขประกอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และมองว่าเงื่อนไขในแง่นิติวิทยาศาสตร์ ยังคงไม่ถึงต้องกับลาสิกขา และตอนที่ท่านออกไปจากวัด ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่ามีการแจ้งกับท่านเจ้าอาวาสไว้หรือไม่
ส่วนจะเรียกเข้ามาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการเมื่อไรนั้น เบื้องต้นคาดว่าไม่น่าจะเกิน 7 วัน ก็จะทราบผล เพราะขณะนี้เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้ติดต่อไปยังเจ้าคุณประสิทธิ์ เพื่อให้มาให้ปากคำกับคณะกรรมการที่ตั้งมาไว้เพื่อตรวจสอบแล้ว และส่วนตัวมั่นใจว่าเจ้าคุณประสิทธิ์ จะมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการอย่างแน่นอน แต่คงไม่มาพบเจอกับสื่อมวลชน
พระครูวินัยธรวิเชียร ยังกล่าวอีกว่า ด้วยลักษณะนิสัยของท่าน เป็นพระที่เรียบร้อย เอาจริงเอาจัง ยึดมั่นในกฎระเบียบ ระเบียบเป็นยังไงต้องเอาอย่างนั้น เป็นพระที่กล้าชน และเป็นคนนิ่ง ตั้งแต่ที่เคยเห็นมาตลอด 40 ปี ท่านเป็นพระที่เป็นนักทำงาน ส่วนการดูแลบัญชีวัดและการเบิกจ่าย จะมีการกลั่นกรอง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าคุณประสิทธิ์ เพราะว่าท่านไม่ได้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินวัด ซึ่งที่ท่านใช้ท่านหามาเอง ไม่ได้ใช้เงินวัด แม้กระทั่งเงินซ่อมแซมกุฏิ
ส่วนกรณีสีกากอล์ฟเคยมาที่วัดนี้หรือไม่นั้น พระครูวินัยธรวิเชียร บอกว่า จำได้ว่าเคยเห็น แต่หายไป 2 ปีแล้ว ตอนนั้นมีการตั้งโรงทานเลี้ยงน้ำปานะ ทั้งพระและโยม โดยโยมผู้นี้เป็นโยมอุปถัมภ์ เป็นนักบุญ แต่งตัวโอเค โปรไฟล์ดี รถที่ใช้ก็ดี ซึ่งผู้ที่มาตั้งโรงทาน คือ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย นำพามา แต่ก็ไปหลายวัด ไม่ใช่แค่ที่นี่ จึงเป็นที่คุ้นเคยของพระผู้ใหญ่หลายวัด
"เขาก็อาศัยคราบนักบุญ ขุดบ่อล่อปลา เพื่อจับพระตัวใหญ่ จึงเป็นที่มาของการรู้จักพระหลายวัด" ส่วนจะมีสีกามาคลุกคลีกันหรือไม่นั้นไม่ทราบ และเท่าที่เห็นของท่านเจ้าคุณประสิทธิ์นั้น ไม่เห็นมีสีกามาคลุกคลี