“แพทองธาร” สวนกลับ! เขมรรู้วันปะทะก่อน สั่งเด็กหยุดเรียน สงสัยใครกันแน่เริ่มก่อน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม
โดยนางสาวแพทองธาร ได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้
ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด
สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ส่วนกรณีมีสำนักข่าวต่างประเทศ ตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆแล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ แต่ฝั่งกัมพูชาไม่ได้ไป ซึ่งส่วนนี้ต้องดูข้อมูลเพิ่มเติมว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เป็นการตั้งข้อสังเกตว่าหากฝั่งไทยรู้ว่าจะยิง ก็ต้องแจ้ง แล้วฝั่งกัมพูชารู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่าจะมีการยิงปะทะเกิดขึ้นถึงให้เด็กหยุดเรียน ซึ่งถือเป็นข้อสังเกตอีกข้อหนึ่ง
ขณะนี้แม้ตน จะปฎิบัติหน้าที่ไม่ได้ แต่ก็ได้มีการรับฟังผ่านการอัพเดทสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีความเป็นห่วงเช่นเดิม ยังคงติดตามสถานการณ์ โดยเมื่อวานนี้ได้ไปพบกับคณะรัฐมนตรีก็ได้มีการอัพเดทข้อมูลกัน ซึ่งพลเอกณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำในเรื่องของยุทโธปกรณ์ของฝั่งไทย ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เราพร้อม และการที่เราใช้เครื่องบิน เอฟ -16 ก็เป็นการตอบโต้เพราะทางกัมพูชายิงเข้ามาถึงแหล่งชุมชนที่มีลูกเด็กเล็กแดงอยู่ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทางกองทัพก็ได้คุยกันในเรื่องนี้แล้ว ส่วนกลไกที่จะเกิดขึ้นต่อไป รัฐบาลและกองทัพ รวมถึงฝ่ายความมั่นคง ได้ประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง และดูเรื่องนี้อย่างรอบคอบทุกขั้นตอน
หากถามว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ ก็ขอให้ทางหน้างานเป็นฝ่ายประเมิน แต่แน่นอนว่าเราจะพยายามให้ถึงที่สุด ในการปกป้องอธิปไตย และเรายืนยันเสมอว่าเราไม่ต้องการความรุนแรง แต่เมื่อความรุนแรงมาถึง เราก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลและกองทัพคุยกัน และย้ำว่าไม่ต้องห่วง ย้ำว่าเราไม่ถอย สู้เต็มที่
นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศได้แสดงหลักฐานความไม่ชอบธรรมของกัมพูชา ทั้งการละเมิดสนธิสัญญาหลักกฏหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชนและความไร้จริยธรรมอย่างร้ายแรง ในการลอบวางระเบิด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการลาดตระเวนหาระเบิดร่วมกันทั้งสองประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางของเราได้รับบาดเจ็บ ก็ได้มีการตรวจสอบว่าเป็นระเบิดใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ผิดหลักมนุษยชนอย่างยิ่ง และผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างยิ่ง ไม่มีประเทศไหนทำแบบนี้ เรื่องนี้มีหลักฐานครบถ้วนกระทรวงการต่างประเทศก็ได้บอกให้ทั่วโลกรับทราบ และมีการยืนยันจากสื่อหลายประเทศว่าเชื่อในสิ่งที่เราพูด
ที่ผ่านมาประเทศไทยก็พูดความจริงเรื่องนี้มาโดยตลอด และยืนยันมาโดยตลอดว่าเราอยากไม่ให้เกิดความรุนแรง เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ ว่าความรุนแรงนี้เริ่มโดยกัมพูชา 100%
นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์นี้ ตนสนับสนุนให้คนไทยเกิดความสามัคคีในชาติ วันนี้เราทะเลาะกันในประเทศถึงระดับหนึ่ง แต่เราต้องรักกันทะเลาะกันกับคนนอกประเทศก่อน ถ้าเหตุการณ์นี้สงบสุขเมื่อไหร่ ก็ยังรอได้ คงามขัดแย้งในประเทศยังรอได้ แต่วันนี้รอไม่ได้แล้วที่เราจะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งว่าคนไทยรักคนไทยด้วยกันเป็นอย่างมาก
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ในส่วนคำครหามากมาย ที่วิถีทางการเมืองพยายามใช้การปลุกปั่น เพื่อให้เกิดความเกลียดชัง มีการเชื่อมโยงว่าสองตระกูลทะเลาะกัน แต่จำกันได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ตนได้มีการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง โดยได้สั่งการผ่านกระทรวงมหาดไทย ให้ตัดน้ำ ตัดไฟตั้งแต่ชายแดน ลาวกับพม่า และทำให้ได้ผลจริงๆ คอลเซ็นเตอร์ที่โทรหาประชาชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด และมูลค่าความเสียหายที่ประเมินตัวเลขได้เยอะมาก ประชาชนที่ถูกหลอก จนต้องจบชีวิตตัวเอง หรือเงินหายไปจากบัญชีอย่างรวดเร็ว
ซึ่งประเทศไทย ลาวและพม่าได้ทำภาคีร่วมกัน เพื่อจะฝากแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ตนก็เกิดความสับสน เพราะตอนนั้นตนก็ยังติดต่อกับทางกัมพูชาในเรื่องสัมพันธ์ส่วนตัว และได้รับแจ้งจากคนที่แปลว่า เขาโกรธ ที่ไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับทางกัมพูชา ตนจึงโทรไปคุยส่วนตัวซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ถูกอัดเสียง ตนไม่ทราบว่า เป็นการเสียผลประโยชน์หรือไม่ เพราะเรื่องแก้ปัญหายาเสพติดและปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์เป็นหน้าที่รัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อได้คุยกันแล้วก็ทราบว่า กัมพูชาไม่พอใจที่ไม่เชิญไปร่วมด้วย ตนก็เลยตอบกลับไปว่าจะบวกกัมพูชาร่วมไปด้วย แต่ทางกัมพูชากลับบอกว่าไม่ต้องบวก ให้มาทำกันแค่สองประเทศพอ(ไทยกับกัมพูชา) ตนจึงให้ดำเนินการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ดังนั้นเมื่อพอกลับมานึกย้อน ก็รู้ว่าเป็นการแสดงความไม่พอใจตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าความไม่พอใจนี้ เป็นความไม่พอใจในการปราบ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ เพราะตนไม่เคยทราบเลยว่าจะมีประเทศใดไม่พอใจ เมื่อประชาชนถูกหลอกและเอารัฐบาลมาช่วย ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ จึงทำให้รู้สึกว่าเราคงไปขัดผลประโยชน์บางอย่าง หรือไม่ จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตนก็ไม่แน่ใจ ซึ่งตนก็มั่นใจว่า รัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจะใช้ตระกูลชินวัตรหรือไม่ ก็ต้องปราบเรื่องนี้เพราะเป็นผลกระทบต่อคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปราบเช่นเดียวกับยาเสพติด ไม่ทำก็ไม่ได้
ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชารอไม่ได้ แต่ปัญหาการเมืองรอได้ หมายถึงหากจบปัญหาชายแดนจะปลดชนวนระเบิดการเมืองภายในประเทศด้วยตนเองใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธาร อธิบายว่า ตนหมายความว่า หาโอกาสทำร้ายฝั่งตรงข้ามทางการเมืองมาตลอด ตนเข้าใจการเมือง เพราะเคยเป็นฝ่ายค้านและวันนี้มาเป็นรัฐบาล ตนเข้าใจคู่แข่งมีทุกพื้นที่อยู่แล้ว แต่อยากจะเชิญชวนให้มาปกป้องกันเองก่อนเพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน การที่เราปกป้องตัวเองก่อน ให้เขาเห็นว่าประเทศเราแข็งแรงมันเป็นสิ่งที่ดี เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรารายงานทุกสิ่งทุกอย่าง แต่การจะหาข้อมูลจากกัมพูชาก็เป็นไปได้ยากเหมือนกัน เพราะเขาคุมสื่อได้หมดหรือไม่ เขาคุมทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศเขาทั้งหมดได้หรือไม่ ก็ต่างกันแบบนี้เพราะจริงๆแล้ว ประเทศประชาธิปไตย เขาไม่ได้คุมสื่อหรืออะไรแบบนี้ แต่อยากบอกว่าขอให้รายงานสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศให้ได้มากที่สุด อยากให้ทุกคนร่วมมือกัน ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นการเมืองมากกว่านี้ การเมืองฝั่งตรงข้าม ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล สู้กันมาเสมอว่าเป็นเรื่องปกติของทุกประเทศ แต่เราจะต้องไม่สู้กันเอง จะต้องแข็งแรงเพื่อสู้กับประเทศที่เราเคยคิดว่าเขาเป็นเพื่อน เราต้องสู้ตรงนั้น
ส่วนที่สื่อของกัมพูชานำเสนอภาพ ของนายกรัฐมนตรีและพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ขอให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศจดจำว่า 2 คนนี้ เป็นต้นเหตุของสงคราม นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่า เราจะเชื่อในสิ่งที่กัมพูชาเสนออีกนานหรือไม่ อย่างเรื่องของตน เขาโพสต์ปล่อยคลิป แล้วเขาก็มาบอกว่าไม่ได้ปล่อย เขาอาจจะโพสต์รูปสาวสวยๆ แต่บอกว่าไม่ได้โพสต์ก็ได้ ไม่ได้ทำไปแล้วก็บอกว่าไม่ได้ทำทุกอย่าง เขาก็มีฉายาอยู่แล้ว Cambodia มีฉายา ซึ่งทั่วโลกก็ตั้งให้
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะถ่ายมือ และส่ายศีรษะปฏิเสธว่า " ดิฉันไม่ได้ตั้งให้" ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นแบบนั้น ตนจึงคิดว่าเราต้องมั่นใจ อย่าคิดว่าต้องใช้อารมณ์ ว่าเพราะต้องคนนั้นคนนี้ มันเกิดขึ้นเพราะกัมพูชา และเกิดขึ้นเพราะเราปราบคอลเซ็นเตอร์ มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่เราอย่าทำให้ขมุกขมัว มันก็อยู่ที่เรา
ซึ่งตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่ตระกูลชินวัตร เข้ามาทำ ก็ต้องปราบคอลเซ็นเตอร์ ก็ต้องปราบยาเสพติด ปรับอบายมุขเช่นกัน เพราะนี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ก่อนย้ำว่าตนไม่เสียใจเลยที่ทำการปรับคอลเซ็นเตอร์ เพราะนั่นช่วยคนได้เยอะมาก ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และได้ผลจริงๆ ตนคิดว่าไม่ใช่แค่ประเทศเราไม่เสียใจเรื่องนี้ ทุกประเทศก็คิดแบบนี้ ยกเว้นประเทศที่เสียผลประโยชน์เท่านั้น
ส่วนครั้งนี้ถือว่า"ชินวัตร" ช้ำหนักหรือไม่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่คิดว่า"ชินวัตร" ช้ำหนัก ในเรื่องนี้เลย เพราะเราทำเพื่อประเทศ การถูกบิดทางการเมือง ถูกใส่ความ ตนจึงอยากให้หยุดเรื่องนี้ก่อน เพราะมันไม่ใช่ เพราะตั้งแต่สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ส่วนตัวดีมาก แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นนายทักษิณก็เอาเรื่องของประเทศมาก่อนอยู่ดี ไม่มีการบอกว่าเป็นเพื่อนกันไม่ทำร้ายกัน แต่ต้องเอาเรื่องของประเทศก่อน
ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านเสนอว่า ให้นำเรื่องสมเด็จฯ ฮุนเซนขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ฐาน อาชญากรรมสงคราม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ทุกฝ่ายแนะนำเรื่องระหว่างประเทศเข้ามา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศต้องรับไปพิจารณา ว่ามีเรื่องใดที่เหมาะสม หรือควรทำซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ประสานเรื่องนี้อยู่ ซึ่งตนก็ได้รับการรายงานจากรัฐมนตรี ตนก็เป็นห่วงและได้โทรคุยบ้าง แต่แผนการในช่วงนี้ขอให้ถามไปยังนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพราะตนต้องขอตอบแค่ในส่วนกระทรวงวัฒนธรรม แต่ครั้งนี้เป็นเพียงการเน้นย้ำข้อความของรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่แถลงไปเมื่อวานนี้ และอธิบายว่าขณะที่ตนทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากนี้ไปคงไม่เหมาะสมที่จะพูดอะไร
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังปฏิเสธการตอบคำถามว่าเหตุปะทะชายแดนไทย - กัมพูชาจะยืดเยื้อออกไปหรือไม่เนื่องจากขณะนี้มีการขยายวงกว้างพื้นที่การปะทะ มายังภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดสระแก้ว และตราดแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังปะทะต่อเนื่อง ไทยยึด “ภูมะเขือ” คืนสำเร็จ
ทางการ สปป.ลาว ออกแถลงการณ์ แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “แพทองธาร” สวนกลับ! เขมรรู้วันปะทะก่อน สั่งเด็กหยุดเรียน สงสัยใครกันแน่เริ่มก่อน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com