แยกให้ออก! สมาธิสั้น VS พฤติกรรมไฮเปอร์ ที่พ่อแม่ควรรู้
ในยุคที่เด็กๆ เติบโตท่ามกลางสิ่งกระตุ้นมากมาย พ่อแม่หลายคนอาจสงสัยว่า “ลูกไฮเปอร์ หรือเป็นสมาธิสั้น?” แม้สองภาวะนี้จะมีบางพฤติกรรมคล้ายกัน เช่น อยู่ไม่นิ่ง พูดมาก หรือเปลี่ยนกิจกรรมบ่อย แต่ความแตกต่างสำคัญนั้นอยู่ที่ระดับของอาการ และผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
สมาธิสั้นคืออะไร?
สมาธิสั้น (ADHD) เป็นภาวะพัฒนาการทางสมองที่ส่งผลต่อความสามารถในการจดจ่อ การควบคุมตนเอง และการจัดการกับสิ่งเร้ารอบตัว เด็กที่เป็นสมาธิสั้นมักจะมีอาการต่อเนื่อง เช่น
เบื่อง่าย จดจ่อกับงานได้น้อย แม้กับสิ่งที่ตนเองชอบ
อยู่นิ่งไม่ได้ นั่งเรียนหรือนั่งฟังนานๆ แล้วลุกไปเดิน
พูดแทรก ตัดบท หรือทำโดยไม่คิดก่อน
มีผลกระทบต่อการเรียน หรือการเข้าสังคม
อาการจะต้องปรากฏในหลายสถานการณ์ เช่น ทั้งที่บ้าน โรงเรียน และกิจกรรมอื่น ไม่ใช่เฉพาะบางสถานที่เท่านั้น
พฤติกรรมไฮเปอร์คืออะไร?
พฤติกรรมไฮเปอร์ เป็นลักษณะของเด็กที่มีพลังงานสูง อยู่นิ่งไม่ค่อยได้ พูดเก่ง ขยับตัวตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งอาจคล้ายกับอาการของสมาธิสั้น แต่มีความแตกต่างตรงที่ เด็กไฮเปอร์สามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้ในสถานการณ์จำเป็น และยังสามารถมีสมาธิได้เมื่อทำกิจกรรมที่สนใจ เช่น วาดรูป ฟังนิทาน หรือเล่นของเล่นโปรด
ความแตกต่างที่ควรรู้
ความสามารถในการจดจ่อเด็กที่เป็นสมาธิสั้นจะเสียสมาธิได้ง่ายแม้กับสิ่งที่ตนเองสนใจ ส่วนเด็กไฮเปอร์สามารถจดจ่อได้นานกับกิจกรรมที่ชอบ
การควบคุมพฤติกรรมสมาธิสั้นจะควบคุมตัวเองได้ยากในหลายสถานการณ์ เช่น ขัดจังหวะ พูดแทรก หรือมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ขณะที่เด็กไฮเปอร์มักควบคุมได้เมื่อได้รับการเตือนหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเงียบ
ผลกระทบในชีวิตประจำวัน
สมาธิสั้นอาจส่งผลต่อผลการเรียน การเข้าสังคม หรือความสัมพันธ์ในครอบครัว ส่วนเด็กไฮเปอร์มักไม่มีผลกระทบชัดเจนหากมีสภาพแวดล้อมที่เข้าใจและช่วยจัดการพลังงานได้ดี
สังเกตอย่างไรว่าเป็นสมาธิสั้น?
มีพฤติกรรมต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน
อาการเกิดในหลายบริบท ไม่ใช่แค่ที่บ้าน
มีปัญหาในโรงเรียน เช่น ลืมการบ้าน ทำงานไม่เสร็จ ไม่ฟังครู
มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ เช่น เข้ากับเพื่อนไม่ได้ โดนตำหนิบ่อย
พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น พูดแทรก หรือตอบคำถามก่อนฟังจบ
หากมีหลายข้อข้างต้น แนะนำให้พบจิตแพทย์เด็กหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินอย่างละเอียด
วิธีดูแลเบื้องต้น
พูดกับลูกด้วยความเข้าใจ ไม่ตำหนิหรือเปรียบเทียบ
สร้างกิจวัตรประจำวันให้คงที่ เช่น เวลาตื่นนอน เรียน เล่น และนอน
ใช้รางวัลเสริมพฤติกรรมที่ดี
ฝึกสมาธิผ่านกิจกรรมที่ลูกสนใจ เช่น งานศิลปะ ดนตรี หรือโยคะเด็ก
หากสงสัยว่าเป็นสมาธิสั้น ควรเข้ารับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว
สรุป
แม้เด็กที่มีพลังมากจะดูคล้ายกับภาวะสมาธิสั้น แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนที่ไฮเปอร์จะเป็นโรคนี้ ความแตกต่างอยู่ที่ระดับของพฤติกรรม ความต่อเนื่อง และผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน หากสังเกตพบพฤติกรรมที่น่ากังวลในหลายด้าน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด