“หมอตุลย์” ยื่นค้านเลื่อนขั้น 2 แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ หลังแพทยสภามีมติลงโทษปมชั้น 14
“หมอตุลย์” ยื่นค้านเลื่อนขั้น 2 แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ หลังแพทยสภามีมติลงโทษปมชั้น 14 แจงถูกไต่สวนความผิดทางอาญา มองการโยกย้ายครั้งนี้ควรโปร่งใส
วันที่ 7 ก.ค. 2568 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาตินายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือถึงพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อคัดค้านการเลื่อนขั้นของพลตำรวจโทนายแพทย์โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโททวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังมีรายชื่อเป็นข้าราชการตำรวจที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
โดยนายแพทย์ตุลย์มีข้อเรียกร้องถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ทั้งหมด 3 ข้อ ดังนี้
1. ปฏิบัติตามตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 หมวดที่ 6 มาตรา 117 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สอบสวนข้าราชการตำรวจทั้งสองนาย และข้าราชการตำรวจอื่นที่เกี่ยวข้องกับการตรวจรักษานาย ทักษิณ ชินวัตร ในระหว่างที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ และหากมีมูลก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป
2. ในระหว่างดำเนินการสอบสวนวินัย ขอให้สั่งย้ายข้าราชการตำรวจทั้งสองนายออกจากตำแหน่งเดิม ให้ไปอยู่ในตำแหน่งประจำที่เหมาะสม จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น และสั่งห้ามข้าราชการตำรวจทั้งสองนายดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับบุคลากรและเอกสารของโรงพยาบาลตำรวจโดยเด็ดขาด ทั้งนี้เพื่อให้การสอบสวนทั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นไปโดยเรียบร้อย
3. ขอให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 2 นายทำรายงานเกี่ยวกับการถูกสอบสวนโดยแพทยสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และที่จะให้การเป็นพยานในศาลฎีกาฯ ส่งให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อส่งเป็นข้อมูลให้กับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ประกอบการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี พ.ศ.2568 ต่อไป หากมีการเลื่อนตำแหน่งข้าราชการตำรวจทั้งสองนายนี้ให้ได้รับตำแหน่งสูงขึ้น กล่าวคือเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นการทำลายระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน
นพ.ตุลย์ ยังกล่าวอีกว่านายแพทย์ทั้ง 2 คนมีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งข้อมูลการรักษาตัวของนายทักษิณขณะที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจไปที่เรือนจำ ซึ่งขณะที่นายทักษิณมีอาการแน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูงทำให้พยาบาลเรือนจำสงสัยว่านายทักษิณมีอาการเส้นเลือดหัวใจขาดเลือด ทำให้ต้องส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจอย่างเร่งด่วน โดยไม่ต้องผ่านโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเข้าพักที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยไม่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งขัดต่อกฎของกระทรวง โดยตลอด 180 วันที่นายทักษิณรักษาตัวอยู่นั้นไม่มีการพูดถึงโรคของหัวใจที่เป็นข้ออ้างในการส่งตัวนายทักษิณมารักษาเลย
ซึ่งมูลเหตุนี้ทำให้มีผู้ร้องต่อแพทยสภาว่านายแพทย์ 2 คน ให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริงเพราะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่านายทักษิณป่วยวิกฤติจริง และป.ป.ช. กำลังสอบสวนในคดีตามกฎหมายอาญามาตรา 157 และที่ตนมายื่นหนังสือในวันนี้ เนื่องจากนายแพทย์ทั้ง 2 คนได้รับการเลื่อนขั้น ซึ่งกำลังจะถูกแต่งตั้งโยกย้ายโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นพ.ตุลย์ ยังกล่าวอีกว่านายแพทย์โสภณรัชต์ มีความอาวุโสเป็นอันดับที่ 2 จากนายแพทย์ใหญ่จะได้เลื่อนตำขั้นมาเป็นผู้ช่วยผบ.ตร. และมีสิทธิ์ที่จะเป็นผบ.ตร.แห่งชาติ ซึ่งขัดหลักคุณธรรมของการแต่งตั้งโยกย้าย มองว่าคนที่มีมลทินถูกสั่งลงโทษแบบนี้ และมีข้อสงสัย ถูกป.ป.ช. ตรวจสอบ ย และน่าจะทำผิดในพ.ร.บตำรวจมาตรา 112 (1) ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับผลประโยชน์ที่มิควรได้หรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับความเสียหายควรจะนำข้อมูลเหล่านี้ยื่นต่อประธานคณะกรรมตำรวจแห่งชาติ และตนหวังว่าการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ ฝจะมีความโปร่งใส เป็นไปด้วยหลักคุณธรรม และไม่เป็นข้อครหา
และหลังจากนี้ตนเองจะเดินทางไปยื่นข้ออร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการตำรวจ ที่ทำเนียบรัฐบาลหลังจากนี้