อย่ามาว่าคนไทยใจดำ! ไทด์ เอกพันธ์ มอง 2 มุม ปมรักษาผู้ป่วยชาวกัมพูชา ถามกลับจะรักษาเขาให้หาย เพื่อให้กลับมาทำร้ายเราเหรอ?
ไนน์เอ็นเตอร์เทน
อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทยนักแสดงจิตอาสารุ่นใหญ่ ไทด์ เอกพันธ์ เผยถึงสถานการณ์การปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาว่าตอนนี้ในส่วนของมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังระดมทุนเพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้อพยพ ชาวบ้านในพื้นที่และเจ้าหน้าที่อยู่ หลังอีกฝ่ายได้นำทูตทหารเข้ามาดูในพื้นที่ก็ไม่มีเสียงปืนแล้วแต่ก็ยังประมาทไม่ได้ ส่วนชาวบ้านที่อพยพออกมายังศูนย์พักพิงก็เริ่มเป็นห่วงบ้าน เป็นห่วงสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เพราะนับเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ต้องอพยพออกมา แต่สถานการณ์ยังไม่นิ่งทางราชการจึงยังไม่ให้กลับเข้าบ้าน สำหรับกรณีที่มีชาวบ้านผูกคอเสียชีวิต ตนมองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะก็ไม่รู้รายละเอียดว่าผู้เสียชีวิตมีสภาวะอะไรในชีวิต ตนเองก็รู้สึกสงสารผู้อพยพ แม้ที่ศูนย์อพยพจะปลอดภัยแต่ชาวบ้านก็คงไม่มีความสุข สงครามไม่ได้ส่งผลดีอะไรมีแต่ทำให้แย่ลง มันเป็นความสูญเสียทั้งสองฝ่ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ในกรณีที่ฝั่งกัมพูชาเรียกร้องให้ฝั่งไทยรับผู้ป่วยชาวกัมพูชามารักษานั้น ไทด์เข้าใจความคิดของทั้งสองฝ่าย ทั้งในแง่ของมนุษยธรรมที่ต้องรับ และคนที่บอกไม่ให้รับ เพราะก่อนหน้านี้ประเทศไทยก็รับคนกัมพูชามารักษาฟรี ๆ จำนวนมาก แต่ปัจจุบันนี้ตัดสิทธิ์การรักษาเรื่องนี้แล้ว
ถ้ามีทหารกัมพูชาบาดเจ็บเป็น 100 แล้วถ้าฝั่งไทยรับเข้ามารักษา พอหายดีเขาก็ไปจับปืนกลับมายิงฝั่งเราอย่างงั้นเหรอ เวลายิงมาเขาไม่ได้นึกถึงเด็ก นึกถึงคนแก่หรือผู้ป่วยเลย ถามกลับว่าแล้วต้องรู้สึกอย่างไร จะมาหาว่าคนไทยใจดำ ไม่มีมนุษยธรรมได้ยังไง ในฐานะของจิตอาสามองว่าต้องรอคำสั่งจากกระทรวงสาธารณสุขว่าจะให้นโยบายเรื่องนี้อย่างไร ส่วนตัวมองว่าสถานการณ์ตอนนี้ทำให้เห็นว่าคนไทยรักกันจริง ๆ แม้จะตีกันเองบ้าง แต่พอถึงช่วงที่เกิดปัญหาไม่ว่าจะการปะทะหรือภัยพิบัติต่าง ๆ คนไทยก็พร้อมใจร่วมมือร่วมแรงกัน เราสามัคคีกัน เห็นแล้วรู้สึกชื่นใจมาก ล่าสุดมีนักธุรกิจเหมาปั๊มน้ำมันให้เจ้าหน้าที่และอาสามูลนิธิต่าง ๆ หน่วยงานต่าง ๆเข้าเติมน้ำมันฟรีทั้งวัน
นอกจากนี้ ไทด์ ยังเผยถึงภาพที่เจ้าตัวและแฟนสาว ทับทิม อัญรินทร์ สวมชุดบ่าวสาวถ่ายรูปด้วยกัน ราวกับเป็นภาพพรีเวดดิ้ง ว่าหลังภาพเซ็ตดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้คนเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก ตนเองถึงขั้นโดนเพื่อนโทรมาต่อว่า ก่อนจะชี้แจงว่าเป็นเพียงงานจ้างถ่ายแบบชุดแต่งงานเท่านั้น ไม่ได้เป็นการถ่ายพรีเวดดิ้งจริง ๆ เป็นการหาค่าขนม ใครจ้างทำอะไรก็ทำหมด ยอมรับว่าตอนที่ถ่ายก็เขินเหมือนกัน แอบคิดจะดีลไว้ถ่ายงานจริงในอนาคตอยู่เหมือนกัน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน