เซินเจิ้น เดิมพันใหญ่ ทุ่มหมื่นล้าน ปั้นกองทัพ AI Startup ร้อยราย บุกโลก
สิบกว่าปีก่อน หากพูดถึงเมืองเซินเจิ้น หลายคนมักนึกถึงภาพเมืองโรงงาน เมืองก๊อปปี้ และศูนย์กลางสินค้าราคาถูก แต่วันนี้ ภาพนั้นแทบไม่เหลืออยู่แล้ว
ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ลงพื้นที่รายงานจากเซินเจิ้น หลังการเยี่ยมชม Shenzhen Foundation Model AI Eco-Hub หรือที่เรียกกันว่า โม่ว์ลี่อิ๋ง ซึ่งเพิ่งเปิดดำเนินการมาเพียงปีเดียว แต่ถูกออกแบบให้เป็น Silicon Valley ของ AI ภายใต้การขับเคลื่อนอย่างจริงจังของรัฐบาลหนานซาน
Six-in-One Policy: นโยบายที่ทำให้ต่างจากที่อื่น
สิ่งที่ทำให้ AI Eco-Hub แตกต่างจากศูนย์บ่มเพาะทั่วไป คือการสนับสนุนที่จับต้องได้ ผ่านนโยบาย “Six-in-One” ได้แก่
- เงินสนับสนุนผู้ก่อตั้ง สูงสุด 600,000 หยวน (ราว 3 ล้านบาท)
- ฟรีที่พักและค่าเช่าในช่วงเริ่มต้น
- พื้นที่ทำงานและ Mentor สนับสนุน
- กองทุนใหญ่ 2,000 ล้านหยวน (กว่า 10,000 ล้านบาท) สนับสนุนสตาร์ตอัปรายละไม่เกิน 5 ล้านหยวน (ราว 25 ล้านบาท)
- สนามทดลองใช้งานจริง (Scenario) ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การศึกษา โลจิสติกส์ พร้อมเงินสนับสนุนระดับล้านหยวน
- การเชื่อมโยง Value Chain ตั้งแต่มหาวิทยาลัย Big Tech นักลงทุน จนถึงรัฐบาล
Talent Density: กองทัพผู้ก่อตั้งระดับโลก
เพียงปีแรก มีบริษัทกว่า 500 แห่งสมัครเข้ามา และ 142 แห่งถูกคัดเลือก โดยมีข้อมูลที่สะท้อน ‘ความหนาแน่นของคนเก่ง’ (Talent Density) อย่างชัดเจน
- 82 บริษัท ก่อตั้งโดยผู้จบปริญญาเอก
- 64 บริษัท ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน Tencent, Alibaba, Huawei และ ByteDance
- 88 บริษัท มีประสบการณ์ทำงานหรือเรียนต่อต่างประเทศ
- 33 ผู้ก่อตั้งติดอันดับ Hurun U30 นักธุรกิจรุ่นใหม่ของจีน
โมเดล 1+N+X: Ecosystem Design แบบจีน
AI Eco-Hub ยังถูกออกแบบตามโมเดล ‘1+N+X’
1: แกนหลักคือ AI Eco-Hub
N: Sub Eco-Hub เฉพาะด้าน เช่น Healthcare, Smart Hardware, Robotics (Embodied Intelligence), Education
X: เครือข่ายความร่วมมือ ทั้งบริษัทต่างชาติ (AWS, Intel) มหาวิทยาลัย และนักลงทุนระดับโลก
เมื่อรวมกับ ซัพพลายเชนฮาร์ดแวร์ ที่เซินเจิ้นสั่งสมมากว่า 30 ปี ทำให้สตาร์ตอัปที่อยากสร้างหุ่นยนต์สามารถออกแบบวันนี้ สร้าง Prototype พรุ่งนี้ และ Pitch นักลงทุนได้ภายในอาทิตย์เดียว – ความเร็วที่สหรัฐฯ หรือยุโรปยังไม่สามารถเทียบได้
ส่อง 3 AI Startup ดาวรุ่ง
ระหว่างการรายงาน ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ได้พบกับ 3 สตาร์ตอัปจีนที่ถูกคัดเลือกเข้ามาในโครงการ ได้แก่
Emerging AI: พัฒนา AI-as-a-Service หรือ “AI Infrastructure for Enterprise” ทำให้องค์กรใช้ AI ได้ง่ายเหมือนเปิด Cloud โดยเน้นการนำไปใช้จริงในภาคการเงิน การบิน และการผลิต
LOOK AI: ใช้ Generative AI พลิกโฉมวงการแฟชั่น นักออกแบบสามารถสร้างภาพเสื้อผ้าเสมือนจริงจาก Draft ได้ทันที ทดลองไอเดียใหม่ ๆ ได้หลายร้อยแบบในเวลาไม่กี่นาที
SENGINE AI: พัฒนา Spatial Computing ที่ผสมผสานข้อมูลกายภาพกับพฤติกรรมมนุษย์ แสง เสียง และอารมณ์ เพื่อออกแบบ Smart City เกม และ VR ที่สมจริงกว่าที่เคย
บุกทั้งกระดาน: โอกาสมหาศาลและความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง
สิ่งที่เกิดขึ้นในเซินเจิ้นสะท้อนให้เห็นถึง การเดิมพันครั้งใหญ่ของจีนในอุตสาหกรรม AI ขณะที่สหรัฐฯ เน้นสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ยุโรปเน้นกฎหมาย และสิงคโปร์เน้น Applied AI – จีน โดยเฉพาะเซินเจิ้น เลือกที่จะทำทุกอย่างพร้อมกัน ทั้งเงินทุน คนเก่ง ตลาดจริง และซัพพลายเชน
นี่คือการเดินเกมแบบ “บุกทั้งกระดาน” เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง AI ของโลก แต่การเร่งสปีดเช่นนี้ก็มาพร้อม ความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม
การจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงจากสหรัฐฯ อาจกลายเป็นคอขวดสำคัญ แม้จีนมีฐานการผลิตฮาร์ดแวร์เข้มแข็ง แต่ยังต้องไล่ตามซอฟต์แวร์และสถาปัตยกรรมขั้นสูง
ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบภายในประเทศ ที่รัฐต้องการทั้งเร่งพัฒนาและควบคุมความเสี่ยงทางสังคมในเวลาเดียวกัน
การแข่งขันที่รุนแรงในประเทศเอง เมื่อเงินทุนอัดฉีดอย่างมหาศาล เสี่ยงทำให้เกิดฟองสบู่ AI หากไม่สามารถสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน
ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดที่กังวลเรื่องความโปร่งใสและการปกป้องข้อมูล
กล่าวได้ว่า โครงการนี้ไม่ใช่แค่การสร้างสตาร์ตอัปใหม่ แต่เป็นการทดสอบว่า จีนสามารถผสานความแข็งแกร่งด้านการผลิตเข้ากับนวัตกรรม AI และก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจเทคโนโลยีระดับโลกได้จริงหรือไม่
ภาพปก:bingfengwu / Getty Images