โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปธ.สภาสอบซื้อตัวสส.10กิโล

ไทยโพสต์

อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 7.19 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดรามาซื้อตัว สส. 10 โล "วันนอร์" ยันพร้อมตรวจสอบหากมีหลักฐาน ย้ำเป็นหน้าที่วิปรัฐบาลคุมเสียงปริ่มน้ำ "วิสุทธิ์" ตามจิก สส.พรรคส้ม ท้ารีบแจ้ง DSI อย่าโก่งค่าตัว ปั้นวาทกรรมการเมือง มั่นใจไร้คนเชื่อ ขณะที่ "ชัชวาล" แจ้งความแล้ว แต่ไม่รู้เกี่ยวพันกับพรรคไหน

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงาน (วิป) แต่ละฝ่าย เสียงของรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาล ที่จะทำอย่างไรให้องค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและการประชุมร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 2 และ 3 ที่ผ่านมา ก็มีการตรวจสอบองค์ประชุมทุกมาตราและผ่านไปได้ ซึ่งคิดว่าหากมีการประสานงานกันดี ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น สส.ของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ทุกคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำเป็นของตัวเอง และการประชุมสภาก็ดำเนินต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ราบรื่นผ่านไปได้อาจเป็นเพราะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แต่หากเป็นกฎหมายอื่น อาจจะทำให้มีความกังวลหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณหรือกฎหมายอื่น หากมีการลงมติตรวจสอบองค์ประชุมก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น ทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติตาม เพราะรัฐบาลก็มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง จะมากหรือน้อยหากมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งก็เป็นองค์ประชุมและลงมติได้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวซื้อตัว สส. 10 กิโลนั้น ประธานสภาตอบว่า อยากให้มีการเปิดเผย ไม่อยากให้มีการอ้ำอึ้ง เพราะเป็นข่าวที่เมื่อปรากฏออกมา ทำให้เป็นภาพที่ไม่ดีต่อสมาชิกของสภา เมื่อทราบก็ควรที่จะเปิดเผย แต่หากไม่กล้าเปิดเผยก็ควรที่จะเปิดเผยต่อวิปหรือแกนนำได้ ประธานสภาก็ยินดีที่จะรับข้อมูลนี้แล้วตรวจสอบให้ เพราะเราไม่อยากให้สภาเรามีข่าวเช่นนี้ เนื่องจากข่าวเช่นนี้บางครั้งก็เป็นข่าวที่ไม่จริง เป็นการพูดไปมากันโดยขาดความรับผิดชอบ และคิดว่าเป็นสถานการณ์ที่คงไม่มีใครไปทำอะไรให้เกิดความเสียหาย หากมีหลักฐานยื่นมาเป็นเอกสาร มีตัวตนของผู้ที่ยื่น แล้วสามารถที่จะรับผิดชอบได้ก็ยินดีที่จะตรวจสอบ

ถามว่า ต้องมีการยื่นข้อมูลไปอย่างเดียวเลยใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า แหล่งข่าวจริงหรือไม่จริงเราไม่รู้ เพราะจากที่ตนเห็นในข่าว ทางฝ่าย สส.เองเขาก็อยากให้มีการเปิดเผยและตรวจสอบจากผู้ที่อ้างว่ามีโทรศัพท์มา แต่ก็ไม่ได้บอกชื่อ ซึ่งเมื่อไม่มีความชัดเจนเราก็ตรวจสอบไม่ได้ ฉะนั้นจึงอยากให้มีการตรวจสอบให้มีความชัดเจน เพราะข่าวเช่นนี้ทำให้เกิดความเสียหาย และหากตรวจสอบแล้วเจอก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการที่พรรคประชาชนเปิดเผยว่ามีการซื้อตัว สส. 10 กิโลแลกโหวตว่า คนที่อ้างถึงต้องทำให้ชัดเจนที่สุด อย่าไปทำให้ลึกลับ ต้องไปแจ้งความที่ DSI ที่โรงพัก หรือตำรวจ จะได้ตามว่าใครเป็นคนโทร.มา รีบไปอย่ารอช้า ตนก็อยากรู้อยากเห็น

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า มาพูดว่าใครก็ไม่รู้โทร.หา เมื่อคุณไม่รู้ว่าใครโทร.หา ตนจะไปรู้ได้อย่างไร จะมาพูดกว้างๆ ว่า รัฐบาลจ่าย เป็นผู้แทนต้องชัดเจน อย่ามาอ้ำอึ้งหรือพูดสองแง่สองง่าม ทำให้คนคิดมาก ไม่จำเป็นต้องจ่ายตังค์ ตนก็เคยย้ำแล้วว่าเสียงครบ ยืนยันว่างบประมาณเสียงผ่านได้สบาย

"แปลกจริงคิดค่าตัวแพงเกินไป หรือจะมีปัญหากลัวไม่ได้คะแนนเสียง เอาให้ชัดเจน ผมท้าให้คุณไปแจ้งความดำเนินคดีเลย ถ้าเป็นคนของรัฐบาล ผมรับผิดชอบให้ทุกอย่าง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีความจริง และไม่ควรจะพูดสร้างวาทกรรมทางการเมือง ประเทศชาตินี้บริหารด้วยวาทกรรมไม่ได้ ต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูด ใครในรัฐบาลอย่าไปเกรงใจ แม้แต่พรรคผม พรรคไหนผมไม่ไว้หน้า จะตรวจสอบให้ ไม่กล้าไปแจ้งความผมพาไปก็ได้ ไม่กล้าไป DSI ผมจะพาไป ใจกล้าๆ หน่อย ถ้าพูดมาแล้วต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง” นายวิสุทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ในนามของรัฐบาลเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้น จะทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เลอะเทอะ อย่างนี้ไม่มีใครเชื่อหรอก ถามว่าใครให้ตังค์ 10 โล ยังตอบไม่ได้เลย มาพูดแบบนี้ไม่ได้มันเสียหาย เราไม่ได้หวั่นไหว ว่าสิ่งที่พูดมาไม่เป็นความจริง ถ้าเป็นความจริงฝ่ายค้านคงไม่เอาไว้ มาอภิปรายในสภา หรือแจ้งความดำเนินคดีก็ได้ มาพูดแบบนี้ทำให้คนอื่นเสียหาย

นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เวลา 15.00 น. ตนเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรน้ำพอง จว.ขอนแก่น เบื้องตนทราบชื่อ-นามสกุล รวมถึงภูมิลำเนาของผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีส่วนสัมพันธ์กับพรรคการเมืองไหน ต้องส่งให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบเบอร์ว่า ในช่วงวันที่ 22-23 มิ.ย.ที่ผ่านมามีการติดต่อกับใครบ้าง หลังจากนี้ทางฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการต่อ

“ผมอยากได้ยินข้อมูลจากท่านประธานวิปมากกว่าการมาก้าวล่วงว่าเลอะเทอะ ว่าปัญญาอ่อน อยากได้ยินบทวิเคราะห์ ในฐานะผู้อาวุโสทางการเมืองที่มีวุฒิภาวะมากกว่านี้ ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจในสังคมการเมือง เป็นปัญหาที่ทำให้การเมืองในไทยไม่เจริญเติบโต ทำให้ประชาชนหมดความคาดหวังกับนักการเมือง ผมอยากได้ยินท่านประธานวิปบอกว่า ยินดีที่จะให้พรรคเพื่อไทยมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เพื่อให้กระบวนการแบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก" นายชัชวาลกล่าว

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการปรับความเข้าใจกับ สส.ผู้อภิปรายแล้ว ซึ่งเจ้าตัวเองก็ได้ออกมาโพสต์ขอโทษ ว่าสิ่งที่เขาทำไม่มีความเหมาะสมอย่างไรบ้าง

อย่างไรก็ดี พรรคยืนยันว่าเราต้องการให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างโปร่งใส และเชื่อว่าแม้แต่ภายในสำนักสงฆ์ หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเอง ก็อยากให้การใช้จ่ายงบประมาณทุกอย่างมีความโปร่งใสเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า ผู้อภิปรายไม่มีเจตนาในการลบหลู่หรือดูหมิ่นคนที่นับถือพุทธศาสนาใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เชื่อว่าเจตนาเป็นสิ่งที่ผู้อภิปรายจะต้องชี้แจงเอง ตนคงชี้แจงแทนเขาไม่ได้

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เข้าใจความรู้สึกของประชาชนที่สะท้อนผ่านผลโพล แต่วันนี้สิ่งตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งคือ เรามาทำหน้าที่ในฐานะ สส. น่าจะทำให้ประชาชนที่นี่ยังเห็นอยู่ว่า กลไกของรัฐสภาและกลไกของ สส.ยังสามารถให้ความหวัง ให้ความไว้วางใจ

ที่สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา แกนนำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนและชี้มูลความผิด 2 สส.ของพรรคประชาชน (ปชน.) กรณีใช้ถ้อยคำอภิปรายเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณแผ่นดินในลักษณะเหยียดหยามดูหมิ่นหรือทำร้ายความเชื่อศรัทธาและความเคารพต่อสังเวชนียสถาน รวมทั้งการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงินนิตยภัตของพระสงฆ์ เป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อความเชื่อถือศรัทธาของพุทธศาสนิกชนไทยอย่างร้ายแรง เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

"องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. 2561 เพื่อไต่สวนและชี้มูลความผิด ก่อนที่จะเสนอให้ศาลฎีกาพิจารณาลงโทษตามมาตรา 172 ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท และอาจถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป รวมทั้งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดอีก.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

อีกแนวรบที่เขมรแพ้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ลืมไปหมดแล้ว?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘โรงอาหารใหม่’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พระสังฆราชทรงหกล้ม เสด็จประทับรพ.ศิริราช

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

อิหร่านเตือนสงครามกับอิสราเอลอาจกลับมาอีกครั้งได้ทุกเมื่อ

JS100

รถจักรยานยนต์ชนกับรถตู้ มีผู้บาดเจ็บสาหัส จนท.เร่งทำ CPR แต่ไม่เป็นผล จ.กาญจนบุรี

สวพ.FM91

คุณยายวัย 74 ช็อกสุดขีดเปิดตู้เสื้อผ้า เจองูพิษร้ายแรงอันดับ 1 ของไทย

เดลินิวส์

สภาพอากาศวันที่ 21-24 ส.ค.ไทยรับมือฝนเพิ่ม ฝนตกหนักบางแห่ง

ฐานเศรษฐกิจ

ปักกิ่งย้ำว่าไต้หวันเป็น‘กิจการภายใน’ของตน ตอบโต้‘ทรัมป์’ที่อ้างว่า‘สี’รับปากไม่บุกไทเป

Manager Online

ฮามาสยอมรับข้อเสนอหยุดยิงล่าสุดในกาซา ปล่อยตัวประกัน 2 ขั้นตอน

JS100

สภาพัฒน์แจงเศรษฐกิจไทยปี 68 ครึ่งปีแรกโต3% แนะ 6 กลยุทธ์รับมือครึ่งปีหลัง

ไทยพับลิก้า

สวยตระการตาในรอบ ชุดประจำชาติ ‘มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2025’ งามยิ่งในแดนสยาม

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...