หมอสอง ยกเครื่องอัลตราซาวนด์ตรวจครรภ์ภรรยาก่อนนอน น้องออน ถามอยากทำคลอดลูกเองไหม
สุดน่ารักสำหรับครอบครัวขวัญใจสาวโซเชียล อย่างครอบครัวของ หมอสอง นพรัตน์ กับ น้องออน สมฤทัย ที่ตอนนี้กำลังจะเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ พร้อมลูกที่อยู่ในท้องประมาณ 6 เดือน ควงคู่กันมาออกรายการ “คุยแซ่บ Show” ทางช่อง One31 ว่านอกจากจะมาเล่าถึงที่ไปที่มา กว่าจะได้คบกัน น้องออน ถึงกับออกปากว่า ครั้งแรกที่ หมอสอง มาจีบนั้น เจ้าตัวกลัวในความเจ้าชู้ รวมไปถึงมาอัปเดตลูกในท้อง ถึงขั้นคุณพ่อมือใหม่ไม่ทิ้งความเป็นคุณหมอ ยกเครื่องอัลตราซาวนด์มาไว้ในห้องนอน เพื่อไว้คุยกับลูกในทุกๆ คืน แถมงานนี้ภรรยาสาวถามสามีกลางรายการว่าจะทำคลอดลูกเองไหม
ตอนนี้กี่เดือนแล้ว?
น้องออน : ตอนนี้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ไม่มีการแพ้เลย เป็นการท้องที่แบบชิลมาก แต่แค่มีช่วง 3 เดือนแรก คือต้องระวัง ซึ่งคุณสามีก็ไม่ได้แพ้ แต่เค้าจะเห่อ ก็มีคุยกับลูก ทาครีมที่พุง แล้วก็คุยไปด้วย
หมอสอง : ซึ่งนอกจากเราคุยแล้ว เราก็จะดูแลคุณแม่ เพราะว่าส่วนมากผู้หญิงจะกังวลรูปร่าง ซึ่งมันเป็นปกติของผู้หญิงทุกคนที่กำลังตั้งท้อง หรือเค้ากลัวหน้าท้องแตกลาย เราก็ทาครีมให้
น้องออน : ซึ่งเราก็เห่อเหมือนกัน นอนแล้วก็จับพุงไปด้วย มันก็เหมือนว่าลูกดิ้น เหมือนเราได้จับเขา
ในส่วนของเรื่องของกิน คุณสามีสปอยล์คุณภรรยาหนักมาก?
หมอสอง : คือถ้าเค้าอยากกินอะไรเราก็ตามใจเขา เพราะในทางการแพทย์ ถ้าเราอยากทานอะไร แสดงว่าเราขาดสิ่งนั้น แต่ก็ต้องอาจดูว่า สิ่งที่เค้ากินเข้าไปนั้น มันมากเกินไปไหม
น้องออน : ตอนนี้ชอบพวกแป้ง พวกเบเกอรี่ เค้าก็แนะนำให้ทานโปรตีน
ย้อนกลับไปก่อนท้อง วางแผนว่าจะมีลูกกันตั้งแต่เริ่มคบกันใหม่ๆ?
น้องออน : คือพี่สองเค้าเป็นคนวางแผนอยู่แล้ว เราก็มาคุยกันว่าเราจะวางแผนในอนาคตกันยังไง เราก็ได้เริ่มทานวิตามินบำรุงล่วงหน้าก่อนที่จะไปฝากครรภ์ แล้วพอมาจังหวะขอแต่งงานเสร็จ ก็ไปฝากครรภ์ แล้วหลังจากฮันนีมูนเสร็จเราก็ฝังตัวอ่อนเลย
ทำไมจะต้องรีบขนาดนั้น?
หมอสอง : จริงๆ เราก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แต่เราก็อยากมีลูกเลยหลังแต่งงาน
น้องออน : อันนี้เรียกรีบค่ะ (ยิ้ม)
หมอสอง : (หัวเราะ) ก็คือเหมือนเราเตรียมความพร้อมมากกว่า และเราดีใจมาก ตอนที่เราทราบผลว่าน้องมาแล้ว เพราะตอนแรกเราซื้อเครื่องตรวจมาเอง แล้วมันขึ้นขีดจาง เรายังไม่เชื่อ ขีดจางๆ คงยังไม่มาหรอกมั้ง ก็แอบเครียดนิดนึง แต่พอไปถึงโรงพยาบาล เจาะเลือด ผลออกมาว่าติดแล้ว
อยากได้เพศไหน?
น้องออน : อยากได้เพศหญิง
หมอสอง : คือผมอยากได้ทั้งสองเพศ คือชอบทั้งสองเพศ และอยากจะมีทั้งสองเพศ
ซึ่งทั้งสองคนชอบคนละเพศ ตอนใส่คือใส่แฝดเลยไหม?
หมอสอง : ใช่ เราใส่ไปทั้งสองเพศ คุณหมอเค้าบอกเราสามารถใส่แฝดได้นะ แต่ก็ต้องดูว่าติดไหม เพราะธรรมชาติเป็นผู้เลือก เราก็ติดหนึ่ง
อย่างด้วยความหมอสอง เราเป็นหมอ เราจะทำคลอดภรรยาเราเองไหม?
น้องออน : ลองไหม สนใจไหม
หมอสอง : เราเคยอยู่ห้องคลอด เราเคยทำคลอด แต่ไม่ขอทำคลอดเอง ของน้องพี่ไม่กล้า สมัยเรียนการเป็นแพทย์มันต้องผ่านทุกแผนก ส่วนนึงมันต้องผ่านสูติฯ สิ่งที่เราไม่ทำเอง เพราะเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้สำหรับลูกเรา เรารู้สึกว่าเราอาจจะไม่ดีพอตรงหน้าที่ตรงนี้ แต่ถ้าเรื่องศัลยกรรมตกแต่ง เราสามารถทำได้ แต่เราก็เห่อ เราอัลตราซาวนด์ลูกเราสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (ยิ้ม) เครื่องอัลตราซาวนด์ที่บ้าน ด้วยความที่เราเป็นหมอ ซึ่งเครื่องนึงก็ไว้ที่คลินิก เราก็ซื้อเพิ่มอีกเครื่องหนึ่ง เพื่อเอามาไว้ดูน้อง ซึ่งเค้าไม่ขายให้คนที่ไม่ใช่หมอ เราก็ซื้อมาแล้วก็มาไถท้อง
หมอออน : คือเราไถตอนกลางคืน เราก็จะเห็นขาเขา
อยากให้ลูกหน้าเหมือนใคร?
หมองสอง : ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว อยากให้หน้าตาเหมือนน้อง เพราะว่าน้องหน้าตาดี
แล้วเค้าย้อนกลับไปว่าจุดเริ่มต้นของความรักเกิดจากอะไร?
หมอสอง : เจอกันครั้งแรกในคอร์สเรียน คอร์สบิสซิเนส ต่างคนต่างมีแฟน รู้จักและทักทายกันปกติ หลังจากพอจบคอร์สที่สอง เราไปงานแต่งงาน บังเอิญว่าเป็นงานแต่งงานเพื่อนของเราทั้งสองคน ก็มีคนมาบอกว่าน้องออนโสดแล้วนะ บวกกับเราโสดพอดี ก็เริ่มทำความรู้จัก ทักทาย เริ่มจีบ ด้วยความที่เรามีประสบการณ์เยอะกว่า เราก็คอยให้คำแนะนำเขา
น้องออน : ต้องบอกว่าเรารู้จักกันมาก่อน แต่ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ในแก๊งเพื่อนเรา แต่เราก็เริ่มกลัวนิดนึง เราก็คิดว่าเจ้าชู้ไหม และเราก็เคยไปบ้านเขา ตอนนั้นไม่ได้คบกัน เราต้องไปซ้อมเต้นเหมือนเป็นกิจกรรมในคอร์ส เราก็งงว่าบ้านนี้ทำไมที่จอดรถเยอะจัง แต่เราก็จำไม่ได้นะว่าเป็นบ้านเขา แต่เราก็ไม่ได้คิดนะว่าวันนึงเราจะได้เข้ามาอยู่ (ยิ้ม)
ตอนที่หมอสองทักมาจีบ เค้าเริ่มต้นคุยกับเรายังไง?
น้องออน : ตอนนั้นเราโสด เราก็จะอ้วนๆ ซึ่งอ้วนกว่านี้ ซึ่งเค้าก็ชวนเราไปออกกำลังกาย ก็ตอบว่าขอบคุณค่ะ แต่ไม่ค่ะ แต่เขาก็ทักมาอีก แต่บังเอิญว่ามีอยู่วันนึงเราไปนั่งคาเฟ่ เรากำลังนั่งทำงาน ซึ่งมันไม่มีอะไรทำ เราก็เปิด LINE เจอแชตเขา เขาถามว่าอยู่ไหน ทำอะไร เขาก็บอกว่าเดี๋ยวดูตารางแป๊บนึง เขาว่างแล้วเขาก็เลยมาเจอเรา ซึ่งที่เราไว้ใจเจอเขาได้ เพราะเราก็เคยเจอเขามาก่อนในคอร์ส ไม่ได้กลัวอะไรมาก ไม่ต้องเช็กประวัติอะไรมาก เพราะคุยกันก็คุยกันยาว 3-4 ชั่วโมง แต่คุยกันจริงจังมากเหมือนเป็นการสัมภาษณ์
หมอสอง : เค้าก็อยากรู้จักเรา เราก็อยากรู้จักเขา ค่อยๆ เรียนรู้กัน แต่เราไม่มีโมเมนต์ขอเป็นแฟน เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนเป็นแฟนกัน
น้องออน : เขาเป็นสไตล์ผู้ใหญ่ แต่สำหรับเราก็คือโมเมนต์ขอเป็นแฟน ด้วยวัยของเรา แต่เราก็ต้องปรับตัวที่เขาเป็นผู้ใหญ่ รู้ตัวอีกทีแต่งงานเลย
อายุต่างกัน มันต้องมีอะไรที่ต้องปรับเข้ากัน?
หมอสอง : มันต้องมีอยู่แล้ว แม้อายุเท่ากันก็ยังต้องปรับ ต่างกันเรื่องของวัย เค้าก็ยังมีความเป็นเด็ก เราก็จะมีความเป็นเป็นผู้ใหญ่ เค้าอาจจะเอาแต่ใจเล็กน้อย ปรับจูน เรียนรู้กันไป
คุณหมอหวานไหม?
น้องออน : แรกๆ จะไม่ค่อยหวาน จนเรางงว่า แบบนี้คือรักหรือไม่รัก เราก็เลยต้องอธิบายว่าความต้องการของเราคืออะไร ชอบแบบสวีตกันหน่อย คือเราเป็นเด็ก ถ้าไม่สวีตเลยมันจะดูน่าเบื่อ หลังๆ ก็จะเป็นแบบแบ๊วๆ ไปเลย
หมอสอง : คือดูจากการกระทำ
น้องออน : บางทีดูไม่ออกเพราะการกระทำมันดูนาน พูดออกมาคำเดียวคือจบ
หมอสอง : ส่วนมากเราจะกระทำมากกว่า ดูจากภาพรวม ว่าความรู้สึกเราเป็นแบบนั้น แต่เขาก็จะถามเราว่ารักไหม เราก็เข้าใจว่า ถ้าเราพูดแบบนี้ เขาก็มีความสุข ความแบ๊วมันเกิดโดยธรรมชาติ ไม่ต้องพยายามทำ
น้องออน : ตอนนี้คือดีมากเลย เขาเป็นคนค่อนข้างอบอุ่น เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องปรับอะไรเยอะมาก ถ้าเราเงียบไป เขาก็จะมาอ้อนเรา
แต่มีคนแซวว่าที่รักกันเพราะว่าเราไปทำจมูกให้เขา?
หมอสอง : คงเป็นมุกตลก เพราะเรามาทำให้เขา ตอนที่เราเป็นแฟนกันแล้ว เขามีปัญหาที่ทำมาจากต่างประเทศ และปลายมันบางมาก เราจำเป็นต้องแก้ให้
น้องออน : ที่ทำแล้วมันเปลี่ยนชีวิต ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโหงวเฮ้ง มันจะเป็นจริง ตอนที่บรีฟคุณหมอ ว่ามันอาจจะทะลุได้ เราก็เลยอยากจะแก้ ก็เลยบอกว่าให้ทำเป็นตัวของตัวเราเอง แล้วพอทำเสร็จ ตั้งแต่มันยังไม่ยุบ ชีวิตมันปังเลย ตอนวัย 25 มันมีความเป็นเบญจเพส และพอหลังจากทำไปปุ๊บอายุปลายๆ 26 ก็คือพุ่งเลย ทำคลิปอะไรมาก็คือคนดูปังเลย
หมอสอง : เราออกแบบใบหน้าให้เขาเพราะอันเดิมดูไม่ค่อยลงตัว พวกนี้มันต้องมีคอนเซ็ปต์เรื่องของความสวยด้วย ไม่ใช่ว่าจะทำให้โด่ง ให้พุ่ง ให้แหลมอย่างเดียว มันต้องดูโหนกแก้ม หน้าผาก ออกแบบใบหน้าให้ลงตัว ให้ดูเป็นตัวเค้า ไม่ใช่ออกมาเป็นหน้าคนอื่น
และจริงๆ ทั้งคู่กว่าจะมีวันนี้ ก็ลำบากมากก่อน?
หมอสอง : ผมไม่ได้รวยมาตั้งแต่เด็ก ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ฐานะปานกลาง เป็นลูกข้าราชการครู ไม่ได้มีความหวังว่าเราจะมาเป็นหมอ แต่แค่ตั้งใจเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก ขยันอดทนแต่ไม่ได้เก่งมาก มาจังหวะคือสอบเข้าแพทย์ได้แล้วก็ได้เรียนศัลยกรรมทั่วไปต่อที่เชียงใหม่ แล้วก็มาเรียนศัลยกรรมตกแต่งต่อที่จุฬาฯ จังหวะชีวิตมันรันมาเรื่อยๆ จนมาเป็นทุกวัน แรกๆ พอเข้ามาในกรุงเทพฯ เราก็สอนพิเศษตามบ้าน หารายได้เพิ่มเติม
น้องออน : ซึ่งในส่วนของเรานั้น เราทำทุกอย่าง ขายครีมขายโฟมล้างหน้า แต่เราก็อยากทำอย่างอื่น เราก็เลยหันไปขายแบรนด์เนมตั้งแต่อายุ 17 ทำยาวมาถึงปัจจุบัน แล้วพออายุ 18 เรามีเงินเก็บสักก้อนหนึ่ง เราก็แบ่งให้คุณพ่อแล้วก็บอกเค้าว่าเราจะเก็บเงินเพื่อส่งตัวเองเรียน ออนมาจากครอบครัวปานกลางที่คุณพ่อเป็นข้าราชการ เป็นเด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน มีความภาคภูมิใจว่าเราเก็บเงินได้ก้อนนึงคือเราเก่งแล้ว เราก็อยากจะท้าทายตัวเองว่าเราขอส่งตัวเองเรียน ก็เลยไปเรียน ม.รังสิต ขอทุนก็ได้ทุนเรียนคือลด 50% แล้วก็ให้เงินคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เลย
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หมอสอง ยกเครื่องอัลตราซาวนด์ตรวจครรภ์ภรรยาก่อนนอน น้องออน ถามอยากทำคลอดลูกเองไหม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หมอสอง ควง น้องออน ฉลองวิวาห์ เล่าความน่ารัก ภรรยามีแฟนคลับติดตามเยอะมาก
- จริงตามข่าวลือ!! น้องออน สมฤทัย ภรรยา หมอสอง ประกาศตั้งท้องลูกคนแรก
- หมอสอง ยกเครื่องอัลตราซาวนด์ตรวจครรภ์ภรรยาก่อนนอน น้องออน ถามอยากทำคลอดลูกเองไหม
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath