โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'บัวแก้ว' แจงไทม์ไลน์ฟ้องเอาผิดเขมร ปมวางทุ่นระเบิดสังหารทำทหารไทยบาดเจ็บ

THE STATES TIMES

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Hard News Team

(11 ส.ค. 68) กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงการดำเนินการของไทยต่อกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือ อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention)

ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 และวันที่ 9 สิงหาคม 2568 กองกำลังทหารไทยรวม 11 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่วางใหม่โดยกองกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามลำดับ นั้น

กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการภายใต้กรอบอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention: APMBC) หรืออนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เพื่อตอบโต้กัมพูชา ดังนี้

1.เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 จำนวน 3 ฉบับ ดังนี้

หนังสือฉบับแรก (ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2568) ไทยร้องเรียนกัมพูชาละเมิดพันธกรณีข้อ 1 ของอนุสัญญาฯ (ห้ามใช้หรือสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล) ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเส้นทางลาดตระเวนปกติของทหารไทย โดยผลการตรวจสอบโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยพบว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางใหม่ และเป็นทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งกัมพูชาครอบครอง ฝ่ายไทยขอให้ประธาน อนุสัญญาฯ เวียนหนังสือแจ้งรัฐภาคีอื่น ๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

หนังสือฉบับที่สอง (ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568) ไทยร้องเรียนกัมพูชาละเมิดพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ที่บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 20 น. กัมพูชาได้กระทำการอันเป็นการรุกรานอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย โดยได้โจมตีมายังฝั่งไทยอย่างไม่แยกแยะระหว่างพลรบและพลเรือน ซึ่งส่งผลกระทบทางมนุษยธรรมและขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และขอให้ประธานอนุสัญญาฯ เวียนหนังสือถึงรัฐภาคีอื่นๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

หนังสือฉบับที่ 3 (ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2568) ไทยร้องเรียนการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชาในพื้นที่บริเวณช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเรียบร้อยแล้ว และจากการตรวจสอบหลักฐานพบว่า เป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากการประชุม Extraordinary General Border Committee (GBC) Meeting ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งในการประชุมฯ ฝ่ายไทยได้เสนอให้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้ แต่กัมพูชาปฏิเสธ และขอให้ประธานอนุสัญญาฯ เวียนหนังสือแจ้งรัฐภาคีอื่น ๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

2.เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก มีหนังสือลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ถึงเลขาธิการสหประชาชาติขอรับความชัดเจน (request for clarification) จากฝ่ายกัมพูชาต่อการกระทำที่เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกระบวนการการเรียกร้องให้รัฐภาคีปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตาวา ตามข้อ 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาฯ ซึ่งระบุว่า รัฐภาคีสามารถขอความชัดเจนและขอให้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ของอีกรัฐสมาชิกหนึ่งผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ โดยกัมพูชามีพันธกรณีที่จะต้องส่งข้อมูลและคำชี้แจงต่อฝ่ายไทยผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ

3.นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ยังได้เข้าพบประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 และเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงผู้แทนระดับสูงของรัฐภาคีต่าง ๆ ของอนุสัญญาฯ ตลอดจนองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ดำเนินการต่อการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชา และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ (Committee on Cooperative Compliance) ของกรอบอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

อนึ่ง อนุสัญญาออตตาวา ห้ามรัฐภาคีใช้ สะสม ผลิต หรือเคลื่อนย้าย ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมทั้งให้ทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตามที่ระบุในอนุสัญญาฯ โดยปัจจุบัน มีสมาชิก 165 ประเทศ ซึ่งไทยเข้าเป็นภาคีในปี 2542 (เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) และได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังอาวุธหมดสิ้นเมื่อปี 2546 และทำลายทุ่นระเบิดส่วนที่เก็บไว้เพื่อการวิจัยและอบรมหมดสิ้นในปี 2562 ขณะที่กัมพูชาเข้าเป็นภาคี ในปี 2543 และยังคงมีทุ่นระเบิดที่เก็บไว้สำหรับการวิจัยและอบรม รวมถึงทุ่นระเบิดประเภท PMN-2.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STATES TIMES

กองทัพไทยจัดงาน “Meet The Youth Hacker 2025” เรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ปลูกฝังจิตสำนึกปกป้องประเทศ

57 นาทีที่แล้ว

ภูเก็ตนักท่องเที่ยวดิ่งหนัก ชาวจีนหาย!! อินเดียแซงขึ้นอันดับ 1 นักท่องเที่ยวยุโรปชี้ปัญหาเหม็นกลิ่นกัญชา-ขี่จักรยานยนต์ประมาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ประวิตร ลั่น ให้บุญสินเป็นรักษาการนายกฯ ไปเลยเถอะ!!

TOJO NEWS

กรมการขนส่งฯ ตรวจเข้มรถโดยสารวันหยุดยาว ขับเร็วเกินกำหนด 131 คัน

The Bangkok Insight

ยึดบุหรี่เถื่อนชายแดนอรัญฯ กว่า 1.3 หมื่นซอง ค่าปรับ 12 ล้าน

TNN ช่อง16

‘ศบ.ทก.’ แจงไทยไม่เคยมีระเบิด MK 84 ย้ำ!! โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น

The Bangkok Insight

กองกำลังบูรพาติดรั้วลวดหนาม 9.8 กม. ปิดช่องโหว่ชายแดนอรัญฯ

TNN ช่อง16

กองทัพเรือเก็บกู้หลุมระเบิด BM-21 หลายจุดที่น้ำยืน อุบลฯ

TNN ช่อง16

“ฟาร์มหมอต้น” คว้ารางวัล SME ระดับชาติ ซีพีเอฟหนุนผสานความรู้-เทคโนโลยี ยกระดับสู่มาตรฐานสากล

สยามรัฐ

ผบก.ภ.จว.ชลบุรี บูรณาการ ปกครอง-ตำรวจ-ผู้ประกอบการ ฮึ่ม! เจอยา-เด็ก ปิด 5 ปี

THE PATTAYA NEWS

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...