ไต่ส่วน "แพทองธาร" คดีคลิปเสียง กับชะตาการเมืองไทย
ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดไต่สวน “แพทองธาร ชินวัตร” และ “ฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสมช. ในวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการเมืองกำลังเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะนี่ไม่ใช่เพียงคดีธรรมดา แต่เป็นคดีที่จะกำหนดชะตาการเมืองไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เปราะบางที่สุด
คดีที่ไม่ใช่แค่ "คลิปเสียง"
ต้นเหตุของทั้งหมดเกิดจากคลิปสนทนาที่หลุดออกมาเมื่อกลางเดือนมิถุนายน ระหว่างนายกรัฐมนตรีหญิงกับ “สมเด็จฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เนื้อหาที่ถูกตีความไปต่าง ๆ นานา ตั้งแต่ความใกล้ชิดส่วนตัว ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง เมื่อเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ จึงกลายเป็นการวัดกันว่า ผู้นำรัฐบาลไทยมีพฤติการณ์ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่?
การยื่นคำร้องของ 36 ส.ว. ถูกมองว่าเป็นการเดินหมากทางการเมืองที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะเกิดขึ้นทันทีหลังพันธมิตรการเมืองบางพรรคถอนตัวออกจากรัฐบาลเพียงวันเดียว
ศาลในฐานะ "เวทีสุดท้าย"
การนัดไต่สวนพยานบุคคลเพียงสองราย คือ แพทองธาร และเลขาสมช. แสดงให้เห็นว่าศาลต้องการฟังคำอธิบายตรงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง มากกว่าการเปิดวงกว้างไปสู่พยานจำนวนมาก นี่จึงกลายเป็นช่วงเวลาชี้ขาดว่าศาลจะเห็นด้วยกับคำอธิบายเชิง “เทคนิคการเจรจา” ของผู้นำไทย หรือจะมองว่าเป็นการก้าวล้ำเส้นของความซื่อสัตย์สุจริตตามรัฐธรรมนูญ
วันที่ 21 ส.ค. ที่มากกว่าการไต่สวน?
วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ไม่ได้เป็นเพียงวันนัดไต่สวนพยานบุคคลของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ยังตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 39 ปีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตรด้วย แม้เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นเพียงความบังเอิญ หากแต่ในมิติทางการเมือง วันดังกล่าวมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องขึ้นให้การต่อศาลในคดีที่อาจกำหนดอนาคตทางการเมืองของตนเอง ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญอีกครั้งหนึ่งในเส้นทางชีวิตทางการเมืองของเธอ
คำถามใหญ่ที่รอคำตอบ
สิ่งที่สังคมต้องติดตามมีอยู่หลายชั้น
- ศาลจะรับฟังข้ออ้างเรื่องหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบหรือไม่
- คำพูดที่ถูกตีความว่า “ยอมอ่อนข้อ” จะถูกมองเป็นกลยุทธ์การเจรจา หรือเป็นการกระทำที่ขัดมาตรฐานจริยธรรม
- ผลลัพธ์สุดท้ายจะทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่
เกมการเมืองหลังศาล
แม้การไต่สวนจะเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ในโลกการเมือง ทุกสายตากลับจับจ้องไปที่วันที่ 29 สิงหาคม ที่ศาลจะลงมติวินิจฉัย เพราะผลลัพธ์ไม่ได้กระทบเพียงเก้าอี้นายกฯ หากแต่จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล พรรคการเมืองในสภา และแม้กระทั่งทิศทางชายแดนไทย–กัมพูชา
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ประเทศไทยกำลังเดินเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ และประชาชนทุกคนย่อมต้องเฝ้าถามตัวเองว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่การเมืองขับเคลื่อนด้วย “เสียงในคลิป” หรือด้วย “หลักการและความจริง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง