สกสว. เสนองานวิจัยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 แนะรัฐยกเป็น "วาระแห่งชาติ"
ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีแผนในการเสริมสร้างบทบาทจากผู้บริหารกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) มาสู่การลงมือกำกับดูแลงานวิจัย พร้อมกับสำรวจเพื่อประเมินผลในพื้นที่ทั่วประเทศที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริง ภายใต้การบริหารงบประมาณการสนับสนุนงานวิจัย โดยการบูรณาการระบบวิจัยของชาติ ลดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน และต่อยอดงานวิจัยอย่างเป็นลำดับขั้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถแก้ปัญหา และเพิ่มศักยภาพได้ตรงจุด เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้ยกตัวอย่าง ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก เป็นปัญหาที่หลายหน่วยงานของภาครัฐ ต้องทำงานร่วมกัน หลายขั้นตอน
ด้าน ศ.ดร.สมปอง ผอ.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดเผยว่า ปัญหา PM 2.5 ควรถูกยกเป็น " วาระแห่งชาติ" เพราะ เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก มีการทำงานที่ซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หากภาครัฐได้มาดูงานวิจัยในส่วนของ สกสว. มีงานวิจัยที่ประสบผลสำเร็จ ในการนำเทคโนโลยีนวัตกรรม มาเพื่อบริหารจัดการค่าฝุ่นในพื้นที่ โดยตั้งเป้าให้คนไทยทุกคนได้สิทธิในการหายใจด้วย อากาศสะอาดภายในสิ้นปีนี้ ยกตัวอย่าง ในภาคเหนือ สกสว.ได้ทำงานเชิงรุก เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สนับสนุนครอบคลุมตั้งแต่ การพัฒนาเครื่องมือวัดฝุ่นความแม่นยำสูง ซอฟต์แวร์ตรวจจับจุดความร้อน (Hotspot) การใช้ข้อมูลจากดาวเทียม GEO เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวัง การวางแผนดับไฟป่าอย่างเป็นระบบ ข้อมูลทั้งหมดถูกรวมเป็น แผนยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงใหม่ 5 ปี ด้านการบริหารจัดการการเผา ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่สามารถขยายไปยังจังหวัดอื่นได้ และมีการดำเนินการใช้จริงในพื้นที่แล้ว
นอกจากนี้ สกสว. ยังได้จัดกิจกรรม “RU CONNEXT: สานพลัง วิจัยไทย ใช้งานจริง” ขึ้นมา เพื่อมองหางานวิจัยที่มีศักยภาพ เริ่มจากในภาคเหนือ เมื่อวันที่ 7–8 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยดึงเครือข่ายมหาวิทยาลัยกว่า 30 แห่ง ร่วมนำเสนอผลงานวิจัย ที่สามารถนำไปต่อยอดแก้ไขปัญหาในสังคมได้ในอนาคต
เมื่อถามถึง งบกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่มีการตั้งข้อสงสัยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา ที่มีการอนุมัติงบ ด้าน ศ.ดร.วิษณุ มีอยู่ รองผู้อำนวยการ สกสว. ชี้แจงว่า งบที่ได้รับ เสมือนเราทำหน้าที่ เป็น ผู้บูรณาการระบบ (System Integrator) ทำงานเหมือนสำนักงบประมาณบวกสภาพัฒน์ฯโดยได้จัดทำตัวชี้วัดว่า เงิน 1 บาท ในระบบวิจัย สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 3.9–4 บาท และทำให้ 150,000 ครัวเรือนพ้นจากความยากจน แม้ว่ายังมีหลายโครงการ ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้ แต่ยังไม่สามารถวัดเป็นมูลค่าได้ แต่มีส่วนสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตและชื่อเสียงของประเทศในเวทีโลกได้
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมหลายกรณี เช่น การพัฒนามิเตอร์ไฟฟ้าดิจิทัลที่ผลิตในประเทศ ซึ่ง สกสว. ช่วยผลักดันจนได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. หรือกรณีผลิตภัณฑ์เซรามิกของไทยที่มีคุณภาพสูง แต่ยังขาดการสร้างเรื่องราว (Storytelling) และการสื่อสารเพื่อเพิ่มมูลค่าเหมือนกับสินค้าจากต่างประเทศ