โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ภูมิภาค

พลิกโฉมเมืองพัทยา! สู่ ‘UNESCO City of Film’ เชื่อมโลกอุตสาหกรรม-ชุมชน

สยามรัฐ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.68 "เวทีภาพยนตร์และเมืองสร้างสรรค์" (Filming and Creative Destination Forum - FCDF) จัดขึ้นเพื่อเป็นครั้งแรกของการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างโลกของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลกและระบบนิเวศสร้างสรรค์ของท้องถิ่น (Local Creative Ecosystem) ยกระดับพัทยาให้เป็นศูนย์กลางบันเทิงแห่งภูมิภาคและบรรลุเป้าหมายการเป็น 'UNESCO City of Film'

"โครงการ FCDF เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่ต้องการต่อยอดศักยภาพอันโดดเด่นของเมืองพัทยาและประเทศไทยให้ก้าวไปอีกระดับ โครงการนี้จึงถูกออกแบบมาให้เป็น "แพลตฟอร์มกลาง" ที่จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโอกาส สร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาคอุตสาหกรรมภาพยนตร์และผู้ประกอบการสร้างสรรค์ในท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเราร่วมกัน"

พร้อมมุ่งมั่นที่จะ "ปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจ" ของสินทรัพย์และทุนทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น รวมถึงเสริมสร้างขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการและชุมชนสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์มาตรฐานสากลได้อย่างแท้จริง

ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ , ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอุตสาหกรรมบันเทิง สาขาวิชาเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เป็นผู้ดำเนินโครงการ มีบุคลากรชั้นนำระดับนานาชาติในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และประชาชนในพื้นที่พัทยา ทั้งนักธุรกิจ ชุมชน ผู้ประกอบการ เข้าร่วมระดมความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ดร.ศิวัช บุญเกิด รองปลัดเมืองพัทยา ระบุว่า ต้องการขับเคลื่อนให้เมืองพัทยาเป็นเมืองภาพยนตร์ภายในปี 2570 ซึ่งปัจจุบันได้ใช้ภาพยนตร์ สร้างการเรียนรู้ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคุณค่าให้กับเมือง ทั้งในเชิงพื้นที่, ธุรกิจและสิ่งแวดล้อม เป้าหมายของเมืองพัทยาคือการขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นเมืองหลวงแห่งภาพยนตร์ของภูมิภาคอาเซียน ทำงานในลักษณะเครือข่าย โดยให้คนในเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนพัฒนาเมือง เปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างแท้จริง

ด้าน ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านละครและซีรีส์ ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีอนาคตสำหรับธุรกิจภาพยนตร์ ตนเชื่อว่าสิ่งสำคัญคือความสามารถในการเพิ่มกำลังการผลิตและคุณภาพ เพราะบริบทของสื่อทั่วโลกเปลี่ยนไป วิธีการใช้สื่อก็เปลี่ยนไป เช่น จีนมีละครคุณธรรมแนวตั้ง หรือ Micro Drama ทำให้เราต้องเข้าใจภูมิทัศน์ของสื่อมากขึ้น ว่าผู้ชมต้องการอะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และปรับตัว

“ ที่ผ่านมาก็มีภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องประสบความสำเร็จ โดยเล่าเรื่องเกี่ยวกับชุมชน ก็สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลได้ ที่สำคัญเราจะไม่ทำตามคนดู เพราะการทำสื่อต้องนำหน้าหนึ่งก้าวเสมอ การงานจัดงานครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญในการสร้างความเข้าใจความรู้ให้กับทุกภาคส่วน และเป็นโมเดลที่ถูกต้อง เพื่อทำให้คนในชุมชนพัฒนาตนเองไปสู่จุดที่จะเป็นประเทศมีศักยภาพในที่สุด” ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี กล่าว

เช่นเดียวกับ Mr. Nicholas Simon founder / ceo / executive producer Indochina Productions ซึ่งเป็นบริษัทผู้ประสานงานดูแลการถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์ดัง เช่น White Lotus เห็นว่าประเทศไทยมีการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ จึงขอให้มุ่งเน้นไปที่จุดแข็ง ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่มำให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลกในประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองพัทยา เมื่อมีการพัฒนาที่ถูกต้องแล้ว ก็อาจจะมีการขยายไปที่เมือง และจังหวัดอื่นได้

ดร.เศรษฐา วีระธรรมานนท์ ผู้จัดการโครงการ FCDF ได้กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า "โครงการนี้คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ 'Pattaya City of Film' ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ที่มุ่งพัฒนาบุคลากรและองค์ความรู้ผ่านศูนย์ความเป็นเลิศด้านอุตสาหกรรมบันเทิง FCDF จึงเข้ามาทำหน้าที่เป็น 'ตัวกลางเชื่อมโยงเครือข่าย' เพื่อร่วมต่อยอดศักยภาพของเมืองพัทยา และรู้สึกยินดีและขอขอบคุณพันธมิตรทุกภาคส่วนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนครั้งนี้"

ทั้งนี้กิจกรรมภายในงานสัมมนาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม:

1. เวทีเสวนา ระหว่างผู้บริหาร ผู้ผลิต ผู้กำกับ และผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรม เพื่อกำหนดทิศทางและสะท้อนความต้องการของกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ

2. กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ สำหรับภาคชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อค้นหาอัตลักษณ์และทุนวัฒนธรรมในพื้นที่ พร้อมต่อยอดสู่แนวคิดทางธุรกิจ

3. การนำเสนอผลงานของชุมชน ต่อคณะกรรมการและผู้แทนอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรม

นอกจากกิจกรรมในวันงานแล้ว โครงการ FCDF ยังได้วาง "แผนยุทธศาสตร์ 5 ปี" ที่ชัดเจน โดยเริ่มต้นจากปีแรก (2025) ในการเป็น "Pattaya Sandbox" เพื่อทดสอบแนวคิดและสร้างกรณีศึกษาที่จับต้องได้ จากนั้นจึงจะขยายผลสู่ระดับประเทศในปีที่ 2 (2026) ด้วยการพัฒนาโมเดล FCDF ให้เป็นทางการ และในปีต่อๆ ไป จะมุ่งสู่การเป็นตลาดระดับภูมิภาค (ปี 2027) เวทีเสวนาเชิงนโยบาย (ปี 2028) และในปีที่ 5 (2029) จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดด้วยการผลักดันพัทยาให้ได้รับการรับรองเป็น 'UNESCO City of Film' รวมถึงขยายการให้สิทธิ์ (Licensing) แบรนด์ FCDC ให้กับเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

"กรมพัฒนาที่ดิน" ชื่นชมผลงานวิจัยทุกสาขา มอบรางวัลนักวิชาการดีเด่น งานประชุมวิชาการฯ ปี 68

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พบศพชายวัย 16 ปีที่ท่าน้ำหนองบัว กาญจนบุรี หลังจมหายไปใต้น้ำ

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หนีไม่รอด! ตร.รวบหนุ่มกระบะแหกโค้งชนรั้วบ้าน เจอยานรกคารถ

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รวบ "บอย" สาวสอง โจรงัดตู้เซฟวัดนามะตูม ฉกเงินสด-ทองคำเกือบ 10 ล้าน

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความภูมิภาคอื่น ๆ

"ตำรวจทางหลวง" ตรวจยึดรถส่งคืน เจ้าของซาบซึ้งผ่อนกุญแจฟรี 5 ปี ไม่คิดว่าจะได้คืน

สวพ.FM91

สุดเศร้า ลุงไปไม่ถึงร้านหมูกระทะ ฉลองวันเกิดเมีย ขี่จยย.ชนดับ ระหว่างทาง

MATICHON ONLINE

รวบลูกจ้างแสบ สวมรอยเป็นเจ้าของร้าน หอบมือถือลูกค้าหนีเกลี้ยงร้าน

สวพ.FM91

ระทึก ไฟไหม้ โบสถ์วัดไพร่ฟ้า ปทุมฯ กลางดึก ระดมรถน้ำ 10 คันดับ

MATICHON ONLINE

"กรมพัฒนาที่ดิน" ชื่นชมผลงานวิจัยทุกสาขา มอบรางวัลนักวิชาการดีเด่น งานประชุมวิชาการฯ ปี 68

สยามรัฐ

พบศพชายวัย 16 ปีที่ท่าน้ำหนองบัว กาญจนบุรี หลังจมหายไปใต้น้ำ

สยามรัฐ

หนีไม่รอด! ตร.รวบหนุ่มกระบะแหกโค้งชนรั้วบ้าน เจอยานรกคารถ

สยามรัฐ

รวบ "บอย" สาวสอง โจรงัดตู้เซฟวัดนามะตูม ฉกเงินสด-ทองคำเกือบ 10 ล้าน

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...