โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที

ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน "Google" ไม่ต้องขาย Google Chrome แต่มีเงื่อนไขใหม่ที่ต้องปฏิบัติตาม

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน

วันที่ 3 กันยายน ศาลสหรัฐอเมริกาตัดสินคดีต่อต้านการผูกขาดของบริษัท Google ได้สร้างความประหลาดใจและมีผลกระทบที่สำคัญต่อบริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้ โดยผู้พิพากษาตัดสินให้ Google สามารถเก็บธุรกิจเบราว์เซอร์ Chrome และระบบปฏิบัติการ Android ไว้ได้ตามเดิม

นอกจากนี้ ข้อตกลงที่ Google จ่ายเงินให้ Apple มูลค่ามหาศาลเพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาหลักบนอุปกรณ์ Apple ก็ยังคงมีผลต่อไป ทำให้หุ้นของทั้งสองบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นทันทีที่ข่าวการพิจารณาคดีนี้ถูกเผยแพร่ออกไป

แม้จะชนะในประเด็นสำคัญแต่ Google ก็ไม่ได้รับชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ เพราะศาลมีคำสั่งให้ Google ต้องแบ่งปันข้อมูลการค้นหาให้กับบริษัทคู่แข่ง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นความเสี่ยงในระยะยาวสำหรับ Google โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการแข่งขันในตลาดเสิร์ชเอนจิน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทอย่างมาก

ผู้พิพากษา อมิต เมห์ตา (Amit Mehta) ได้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังคำตัดสินว่า เขาพิจารณาจากแนวโน้มของตลาดที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการเติบโตของเทคโนโลยี AI และบริษัทอย่าง OpenAI ที่พัฒนา ChatGPT ทำให้เขาเชื่อว่าการแข่งขันในตลาดเสิร์ชเอนจินได้เปลี่ยนไปแล้ว

ดังนั้น การบังคับให้ Google ต้องขายธุรกิจจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะตลาดสามารถควบคุมการผูกขาดได้ด้วยกลไกการแข่งขันจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น

คดีต่อสู้เกี่ยวกับการผูกขาดของ Google ในครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563 โดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ร่วมกับอัยการสูงสุดจากหลายรัฐ ฟ้องร้องกล่าวหาว่า Google มีพฤติกรรมผูกขาดตลาดการค้นหาและโฆษณาออนไลน์อย่างผิดกฎหมาย โดยนับจากวันเริ่มต้นคดีจนถึงปัจจุบัน 3 กันยายน พ.ศ. 2568 เป็นระยะเวลารวมเกือบ 5 ปี หลังจากนี้ คดีอาจยังไม่สิ้นสุดลงง่าย ๆ

เนื่องจาก Google ได้แสดงเจตจำนงว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลในส่วนที่ตัดสินว่าบริษัทมีการผูกขาดตลาดอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งหากมีการยื่นอุทธรณ์จริง กระบวนการทางกฎหมายก็จะดำเนินต่อไปอีกหลายปี และมีความเป็นไปได้สูงที่คดีจะถูกพิจารณาโดยศาลอุทธรณ์ และหากไม่ยุติลงก็จะไปสิ้นสุดที่ศาลฎีกาในที่สุด ในขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ก็กำลังพิจารณาขั้นตอนต่อไปเช่นกัน เพื่อดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อจากนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...