โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

กต. ยัน ‘บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว’ อยู่ในอธิปไตยไทย เผยทูตต่างชาติลงพื้นที่เห็นใจไทยถือเป็นแรงหนุนจากนานาชาติ

เดลินิวส์

อัพเดต 22 สิงหาคม 2568 เวลา 23.41 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
กต. ยัน บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว อยู่ในอธิปไตยไทย แจงเดิมอนุญาต UNHCR ตั้งศูนย์อพยพชั่วคราวเพื่อมนุษยธรรม แต่กัมพูชาขยายชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2543 เผยทูตต่างชาติที่ลงพื้นที่เห็นใจไทย ถือเป็นแรงหนุนจากนานาชาติ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีเด็ก คนชรา และคนพิการ ในพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่กลายเป็นด่านหน้า หลังกัมพูชาตั้งพื้นที่อาศัยรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย

โดยนายนิกรเดช กล่าวว่า กรณีที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวหาว่าฝ่ายไทยล้อมรั้วลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้กองทัพบกและกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงแล้ว จากการลงพื้นที่บ้านหนองจานเพื่อสังเกตการณ์และรับทราบข้อเท็จจริงในพื้นที่ แต่อย่างไรก็ดี พบเห็นการแสดงความเห็นในเรื่องนี้อย่างแพร่หลาย หลังจากที่ประชาชนคนไทยและกัมพูชาต่างฝ่ายต่างมองว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอธิปไตยของไทย ที่เคยชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า พื้นที่บ้านหนองจานเดิมเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชา ที่หนีภัยการสู้รบในอดีตเข้ามาในประเทศไทย ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ขยายชุมชนออกไป เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจเมื่อปี พ.ศ. 2543

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ซึ่งฝ่ายไทยได้คัดค้านและประท้วงการเข้าพื้นที่โดยตลอด แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีการตอบสนอง ซึ่งการป้องกันนั้น เพื่อคุ้มครองประชาชนและป้องกันการเข้ามาวางทุนระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่ขัดต่อข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (จีบีซี) สมัยวิสามัญที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงที่จะละเว้นการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร รวมถึงการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งที่ล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน

ด้านนายเบญจมิน กล่าวว่า ได้รับทราบประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองจาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามาในเขตของประเทศไทย โดยบ้านหนองจานตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนที่ 46 และ 47 ซึ่งเป็นแนวเขตแดนที่เป็นไปตามความตกลงของสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ค.ศ. 1907 อันมีแนวเป็นเส้นตรง และเมื่อปี พ.ศ. 2524 ประเทศไทยก็อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) จัดตั้งศูนย์อพยพชั่วคราวขึ้น เพื่อเหตุผลทางมนุษยธรรมให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามกลางเมือง ภายในประเทศกัมพูชาเอง ซึ่งเป็นไปตามที่ ยูเอ็นเอชซีอาร์ ร้องขอ โดยทหารไทยได้จัดทำแนวรั้วเพื่อจำกัดเขตดังกล่าว

นายเบญจมิน กล่าวอีกว่า แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามยุติลงไปแล้ว ในปี พ.ศ. 2542 ชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามมาก็ยังได้เข้าก่อสร้างที่อยู่อาศัยในที่ดินทำกิน จนขยายออกมานอกแนวรั้วที่เห็นอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ และที่ผ่านมาประเทศไทยได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการปักปันเขตแดนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และได้มีการหารือเกี่ยวกับปัญหานี้รวม 4 ครั้ง ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ดูแลไม่ให้ชาวกัมพูชาขยายพื้นที่ทำกินและหารือเจรจาร่วมกับฝ่ายกัมพูชาอย่างสันติ รวมทั้งเร่งรัดการสำรวจและจัดทำดินแดนดังกล่าว และเมื่อวันที่ 28-30 ส.ค. พ.ศ. 2545 กระทรวงการต่างประเทศและกรมแผนที่ทหาร ได้มีการหารือร่วมกับประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ในขณะนั้นของกัมพูชา โดยฝ่ายไทยขอให้ราษฎรกัมพูชาย้ายออกไป แต่ฝั่งกัมพูชาแจ้งว่าต้องขอตรวจสอบแนวที่แน่ชัดของหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 ก่อน

นายเบญจมิน กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศที่มีหนังสือประท้วงกัมพูชา กรณีมีการขยายตัวของชุมชนบริเวณบ้านหนองจาน และมีการชักธงชาติกัมพูชาขึ้น รวมถึงมีการตั้งหน่วยงานของกัมพูชาในพื้นที่ โดยการดำเนินการดังกล่าวละเมิดอธิปไตยของไทยและละเมิดข้อ 5 ของ MOU 2543 (เอ็มโอยู 2543) จึงขอให้ปลดธงชาติและย้ายชุมชนออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีหนังสือตอบกลับหรือโต้แย้งแต่อย่างใด ทั้งหมดจะสรุปได้ว่าพื้นที่บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ของไทย

นายเบญจมิน กล่าวอีกว่า โดยไทยอนุญาตให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามช่วงเขมรแดง มาอาศัยอยู่เป็นการชั่วคราว ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม การที่ชุมชนขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้น ไทยไม่ได้ยอมรับและไม่กระทบกับการปักปันเขตแดนที่ยังดำเนินอยู่ระหว่างไทยกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และที่ผ่านมาก็เป็นไม่ได้ประเด็นในสังคมในวงกว้าง เพราะประเทศไทยรับทราบมาตลอดว่ามีชาวกัมพูชาที่หนีภัยเข้ามาอาศัยอยู่ชั่วคราว แต่เมื่อฝั่งกัมพูชาออกมากล่าวอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา ก็มีความจำเป็นที่ฝ่ายไทยต้องประท้วงและชี้แจงข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่ากรณีที่ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาเป็นการเฉพาะ (Committee on Cooperative Compliance) ภายใต้กลไกอนุสัญญาออตตาวา ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นายเบญจมิน กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังรอคำตอบอยู่ กับการดำเนินการที่เกิดขึ้นที่เจนีวา ภายใต้กลไกของอนุสัญญาออตตาวา ผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ โดยได้แจ้งการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง ซึ่งไทยได้ดำเนินการไปแล้ว และรอการตรวจสอบจากเจนีวา

ขณะที่ นายนิกรเดช กล่าวเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่าวันนี้มีการประชุมในกรอบของคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาเป็นการเฉพาะ (Committee on Cooperative Compliance) ภายใต้กลไกอนุสัญญาออตตาวาจริง โดย น.ส.อุศณา พีรานนท์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติฯ ณ นครเจนีวา จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย แต่เนื่องจากข้อแตกต่าง ของเวลาที่ประเทศไทยและกรุงเจนีวา จึงคาดว่าการประชุมดังกล่าวน่าจะยังไม่เริ่ม หรือเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้า จะรีบแจ้งให้ทราบโดยเร็ว ขณะเดียวกัน ในวันนี้จะมีการยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ในการประชุมดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นการบังคับให้รัฐภาคี ดำเนินการตามอนุสัญญา

เมื่อถามอีกว่าว่าส่วนการที่รัฐบาลไทยนำคณะทูตลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้รับทราบและประจักษ์พยานหลักฐานเกี่ยวกับการวางทุนระเบิดของฝ่ายกัมพูชา จะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมครั้งนี้ด้วยหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ทูตหลายคนได้แสดงความคิดเห็น แต่ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องทุ่นระเบิดหรือเรื่องอนุสัญญาออตตาวา ก็ไม่เกี่ยวกับอนุสัญญานี้ จะไปเกี่ยวข้องกับอย่างอื่นแทนถ้าหากมีความสำคัญ

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ซึ่งทูตหลายคนได้แสดงความเห็นและให้สัมภาษณ์สื่อในเชิงเห็นใจว่าประเทศไทยเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลดีอย่างแน่นอนเพราะว่าสิ่งที่เราพูดเป็นความจริง และสะท้อนออกมาให้ผู้แทนระดับเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนในต่างประเทศ ที่ได้ลงมาดูพื้นที่เห็น และเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องที่มีการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ ในการยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริงและกดดันกัมพูชาให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

ชายแดน ‘สุรินทร์’ ตึงเครียด เหตุ ‘ทหารเขมร’ เข้าประชิด ชาวบ้านอพยพเข้าวัด หวั่นปะทะเดือด

18 นาทีที่แล้ว

SME D Bank จับมือ ธ.ก.ส. ยกระดับหน่วยงาน สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

18 นาทีที่แล้ว

‘แพทองธาร’ ชู 10 ชุมชนต้นแบบ ‘เที่ยวชุมชนยลวิถี’ ปี 2568

20 นาทีที่แล้ว

‘กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย’ เตือน 45 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก 24-28 ส.ค.

26 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

อิ๊งค์ ยินดี 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ ชูดึงดูดนทท. ดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่เวทีโลก

Khaosod

‘ชัยวุฒิ’ โต้ ‘ช่อ’ ไม่มีใครอยากเป็นฮีโร่ แขนขาขาด ชี้ คนหาประโยชน์คือคนในรัฐบาลไม่ใช่ทหาร

THE STATES TIMES

“แม่ทัพภาคที่ 1”แจงยิบยึดหลัก “3 ยุทธ” ปะทะ กัมพูชา พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพภาคที่ 1

สยามรัฐ

โฆษก ทบ. ยัน ผลประชุม RBC ไร้ข้อเสนอ ไทยรื้อลาดหนามชายแดน แลกเก็บกู้ทุ่นระเบิด

Khaosod

‘กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย’ เตือน 45 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก 24-28 ส.ค.

เดลินิวส์

โฆษก ทบ. แจงชัด! RBC ไร้ข้อเสนอ “กัมพูชา” แลกเก็บทุ่นระเบิดกับรื้อลวดหนามชายแดน

INN News

ข่าวและบทความยอดนิยม