เซเลนสกีร้องขอการรับประกันความมั่นคงยูเครน ก่อนนั่งโต๊ะเจรจากับปูติน
โวโลดีมีร์ เซเลนสกียินดีร่วมโต๊ะเจรจากับวลาดิมีร์ ปูติน แต่ต้องหลังจากที่พันธมิตรของเขาตกลงรับประกันความมั่นคงให้กับยูเครน เพื่อยับยั้งการโจมตีของรัสเซียในอนาคตเมื่อการสู้รบยุติลง
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน (ซ้าย) และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย (Photo by Mandel NGAN and ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีต้องการให้ชาติพันธมิตรตกลงรับประกันความมั่นคงให้กับยูเครนเสียก่อน เขาถึงจะยอมร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียในลำดับต่อไป
ในความคิดเห็นที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี เขายังเตือนด้วยว่าทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบเพิ่มเติม โดยรัสเซียเสริมกำลังทหารในแนวรบด้านใต้ และยูเครนกำลังทดสอบยิงขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลรุ่นใหม่
ขณะที่รัสเซียกล่าวว่า ยูเครนดูเหมือนจะไม่สนใจสันติภาพระยะยาว และกล่าวหารัฐบาลเคียฟว่าแสวงหาการรับประกันความมั่นคงที่ขัดแย้งกับข้อเรียกร้องของรัฐบาลมอสโกอย่างสิ้นเชิง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังพยายามยุติการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่กินเวลานานสามปีครึ่ง ผ่านการเจรจากับเซเลนสกีและปูติน
แม้เขายอมล้มล้างนโยบายของชาติตะวันตกที่คว่ำบาตรรัสเซียมานานหลายปี แต่เขาก็ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพ
เซเลนสกีกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีว่า "เราต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างการรับประกันความมั่นคงภายใน 7-10 วัน และเราจำเป็นต้องเข้าใจว่าประเทศใดจะพร้อมทำอะไรในแต่ละช่วงเวลา" โดยอ้างถึงกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยอังกฤษและฝรั่งเศสที่กำลังจัดตั้งกองกำลังผสมเพื่อสนับสนุนการรับประกันดังกล่าว
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า ทันทีที่ข้อตกลงเรื่องหลักประกันความมั่นคงเสร็จสิ้น ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้จัดการประชุมทวิภาคีระหว่างเขาและปูตินทันที
แต่เขาเสริมว่า การประชุมใดๆ กับผู้นำรัสเซียต้องจัดในประเทศยุโรปที่เป็นกลาง โดยเขาจะไม่ร่วมการประชุมสุดยอดใดๆ ที่กรุงมอสโก
เขายังปฏิเสธแนวคิดที่ว่าจีนควรมีบทบาทในการรับรองความมั่นคงของยูเครน โดยอ้างถึงข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลปักกิ่งให้ความสนับสนุนมอสโก
ความคิดเห็นของเซเลนสกีเกิดขึ้นในขณะที่รัสเซียส่งโดรนและขีปนาวุธหลายร้อยลำเข้าโจมตียูเครนเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายในเมืองลวิฟ ทางตะวันตกของประเทศ และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่า การโจมตีด้วยปืนใหญ่ในเวลาต่อมาที่เมืองเคอร์ซอน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 6 คน
ฝรั่งเศสประณามการโจมตีข้ามคืนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลมอสโกขาดเจตจำนงที่จะเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพอย่างจริงจัง โดยระบุว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเดือน
ในแนวหน้าของการรบ รัสเซียกล่าวว่าได้ยึดหมู่บ้านโอเล็กซานโดร-ชูลตีเน ในเขตโดเนตสค์ตะวันออก ซึ่งเป็นการยึดครองดินแดนครั้งล่าสุดจากปฏิบัติการต่อเนื่อง
ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหายูเครนว่าเรียกร้องความมั่นคงที่ไม่สมเหตุสมผล
"การส่งกำลังทหารยุโรปเข้ามาในประเทศของเราจะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง รัฐบาลยูเครนและผู้แทนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในลักษณะที่เฉพาะเจาะจงมาก แสดงให้เห็นโดยตรงว่าพวกเขาไม่สนใจข้อตกลงที่ยั่งยืน, ยุติธรรม ในระยะยาว" ลาฟรอฟกล่าว
เซเลนสกีประกาศในเวลาต่อมาว่ายูเครนได้ทดสอบขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่รู้จักกันในชื่อฟลามิงโก ซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 3,000 กิโลเมตร (1,864 ไมล์)
"ขีปนาวุธนี้ผ่านการทดสอบแล้ว ถือเป็นขีปนาวุธที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเราในปัจจุบัน" เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว และเสริมว่าการผลิตจำนวนมากอาจเริ่มต้นได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์
เซเลนสกีกล่าวว่ากองกำลังรัสเซียกำลังเสริมกำลังทหารตามแนวหน้าในภูมิภาคซาปอริซเซีย ซึ่งรัฐบาบมอสโกอ้างสิทธิ์พร้อมกับภูมิภาคอื่นๆ ของยูเครนอีก 4 แห่ง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวในเดือนมกราคมและเริ่มผลักดันให้ยุติการสู้รบ กองกำลังรัสเซียค่อยๆ ขยายพื้นที่ในแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ทรัมป์ได้พบกับปูตินที่อะแลสกาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะนำเซเลนสกีและผู้นำยุโรปมายังวอชิงตันเพื่อหารือแยกกันในสามวันถัดมา
เซเลนสกีกล่าวว่าวิธีเดียวที่จะยุติสงครามได้คือการเจรจากับปูติน และทรัมป์ควรเข้าร่วมด้วย
แต่รัฐบาลมอสโกกลับลดทอนความเป็นไปได้ของการประชุมสุดยอดระหว่างปูตินและเซเลนสกีในเร็วๆ นี้ โดยระบุว่าต้องการมีส่วนร่วมในการหารือเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงในอนาคตของยูเครนเสียก่อน.