ดุลการค้า “ไต้หวัน-สหรัฐ” ทะลุสถิติใน 7 เดือน รับกระแส AI บูม ดันส่งออกพุ่ง
ไต้หวันทำดุลการค้ากับสหรัฐทะลุ 70,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง ม.ค.–ก.ค. 2568 จากแรงหนุนความต้องการชิปและเทคโนโลยีในยุค AI พุ่งสูง การส่งออกเดือน ก.ค.โต 63% จากปีก่อน
วันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 15.24 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดุลการค้าของไต้หวันกับสหรัฐพุ่งทะลุสถิติสูงสุดของปีทั้งปีภายในเวลาเพียง 7 เดือน เนื่องจากกระแสความบูมของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลกได้กระตุ้นความต้องการสินค้าเทคโนโลยีจากไต้หวันอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงการคลังของไต้หวัน เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า การส่งออกจากไต้หวันไปยังสหรัฐในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเกือบ 63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 18.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ยอดดุลการค้าระหว่างไต้หวันกับสหรัฐในช่วมกราคม–กรกฎาคม ทะยานขึ้นเกือบ 7หมื่นล้านดอลลาร์ ทะลุสถิติทั้งปีที่เคยทำไว้ในปี 2567 ไปแล้ว
ตัวเลขล่าสุดสะท้อนว่าแนวโน้มดังกล่าวยังไม่มีวี่แววชะลอตัว โดยการส่งออกโดยรวมของไต้หวันในเดือนกรกฎาคม พุ่งขึ้นถึง 42% จากปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 15 ปี และเกินกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในแบบสำรวจของ Bloomberg ทุกคนคาดการณ์ไว้
บริษัทในไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปขั้นสูงรายใหญ่ที่สุดของโลก เร่งการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีไปยังสหรัฐ เพื่อให้ทันก่อนมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้
กระทรวงการคลัง ระบุว่า การส่งออกกำลังได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของแอปพลิเคชันด้าน AI และกำหนดเส้นตายของการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลในเดือนนี้
ไต้หวันกำลังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความต้องการเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และดุลการค้าที่เกินดุลกับสหรัฐฯ อย่างไม่เคยมีมาก่อนก็เริ่มสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลทรัมป์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไต้หวัน 20% ซึ่งรัฐบาลในไทเประบุว่าเป็นมาตรการชั่วคราว แต่ก็ถือว่าสูงกว่าภาษีที่สหรัฐเรียกเก็บจากคู่แข่งรายอื่นในภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ทำให้เกิดความกังวลว่า มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไต้หวันกังวลยิ่งกว่าคือการทบทวนความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐภายใต้มาตรา 232 ซึ่งเป็นการสอบสวนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เป็นผู้ดำเนินการ การสอบสวนนี้มีผลกระทบต่อสินค้าราว 80% ของการส่งออกจากไต้หวันไปยังสหรัฐฯ ซึ่งในปัจจุบันยังได้รับการยกเว้นภาษี
เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า อัตราภาษีสำหรับชิปจะอยู่ที่ 100% แต่ให้คำมั่นว่าจะไม่เรียกเก็บภาษีนี้กับบริษัทที่ผลิตภายในสหรัฐอเมริกา
นักลงทุนมองคำกล่าวของทรัมป์ว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของไต้หวัน และเป็นผู้จัดหาชิปขั้นสูงให้กับบริษัทระดับโลกอย่าง Apple Inc. และ Nvidia Corp. ทั้งนี้ TSMC ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการสร้างโรงงานผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งอาจช่วยปกป้องบริษัทจากผลกระทบของมาตรการภาษีที่เข้มงวดดังกล่าวได้
อ้างอิง : bloomberg.com