‘ศรีสุวรรณ’ บุกยื่น ป.ป.ช. ฟัน ‘ภูมิธรรม’ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ปมทูลเกล้าฯยุบสภา
"ศรีสุวรรณ" ร้องป.ป.ช.ทันควัน จี้เอาผิดจริยธรรมร้ายแรง "ภูมิธรรม" เหตุทูลเกล้ายุบสภาโดยไม่มีอำนาจ ซัดทำเพื่อให้คงมีอำนาจในการรักษาการรัฐบาลต่อ ทั้งที่มีหลายเสียงห้าม
3 กันยายน 2568 - นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมา ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนบิ๊กอ้วน-นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาแถลงยอมรับว่า ได้ยื่นพระราชกฤษฎีกาทูลเกล้าฯ ยุบสภาฯ ไปตั้งแต่เมื่อวานคือวันที่ 2 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ และส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อพิจารณาเอาผิดการกระทำดังกล่าวว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือไม่ต่อไป
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว นับแต่วันที่ศาลฯสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 ก.ค.2568 และเมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้ว ครม.ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ จากนั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคการเมืองต่าง ๆ จึงได้มีความพยายามยามที่จะดำเนินการรวมตัวกันเพื่อสนับสนุนบุคคลซึ่งพรรคการเมืองมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 ของรัฐธรรมนูญ 2560 และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนฯก็ได้กำหนดวันที่จะประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว
"การที่พรรคประชาชนที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดในสภาฯไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ทำให้นายภูมิธรรมเลือกที่จะทูลเกล้าฯขอยุบสภาผู้แทนฯ ทั้งๆที่สภาผู้แทนมิได้มีความผิดใด ๆ และการเลือกตั้งใหม่โดยที่ยังไม่ครบวาระจะทำให้ต้องสูญเสียเงินภาษีประชาชนไปในการจัดการเลือกตั้งหลายพันล้านบาท เพียงเพื่อให้พรรคพวกตนเองยังคงมีอำนาจในการรักษาการรัฐบาลต่อไปเท่านั้น ซึ่งการไม่สามารถใช้อำนาจยุบสภาได้นั้น มีนักวิชาการ ผู้รู้ อดีตผู้พิพากษา ตุลาการ รวมทั้งเลขาธิการกฤษฎีการได้ออกมายืนยันมากมายว่าทำไม่ได้ แต่ก็ยังฝ่าฝืนที่จะกระทำ พฤติกรรมดังกล่าว นอกจากจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อ.มาตรา 157 และขัดต่อมาตรา 3 และมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ 2560 แล้ว ยังถือได้ว้าเป็นการกระทำที่อาจเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทได้ รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงอีกด้วย"