Market Focus Weekly 25-08-2568

ลุ้นทองทดสอบ $3,400 ขานรับเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

Gold Bullish

• นโยบายภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ
• พาวเวลส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
• การลดการถือครองดอลลาร์ De-Dollarization

Gold Bearish

• สหรัฐฯ - พันธมิตร ผ่อนคลายนโยบายภาษี
• สงครามภูมิรัฐศาสตร์ลดความร้อนแรงลง

ราคาทองโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น +32.83 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 3,371.2 ดอลลาร์ ได้รับปัจจัยหนุนจากถ้อยแถลงนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายของพาวเวล ในฐานะประธานเฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง อีกทั้งธนาคาร UBS ได้มีการปรับเปลี่ยนราคาเป้าหมายทองโลก โดยในไตรมาสที่ 1 / 2569 ได้คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงถึง 3,600 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดการณ์ 3,500 ดอลลาร์ อีกทั้งในไตรมาสที่ 2 / 2569 คาดการณ์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3,700 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดการณ์ 3,500 ดอลลาร์

พาวเวลส่งสัญญาณเฟดอาจลดดอกเบี้ย ชี้ดุลความเสี่ยงเศรษฐกิจเปลี่ยน

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนขึ้นถึงโอกาสปรับลดดอกเบี้ย แม้อัตราการว่างงานของสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมระบุว่า ความเข้มงวดของนโยบายการเงิน ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และดุลความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายการเงิน อีกทั้งพาวเวลชี้ว่า ดุลความเสี่ยงกำลังเคลื่อนระหว่างสองภารกิจหลักของเฟด คือ การรักษาการจ้างงานเต็มศักยภาพ และการควบคุมเสถียรภาพด้านราคา โดยมีทั้งความเสี่ยงจากการว่างงานที่อาจสูงขึ้น และจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้เฟดต้องเผชิญความท้าทายในการตัดสินใจว่าจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน หรือคงดอกเบี้ยสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อต่อไป

นอกจากนี้ พาวเวลยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในนโยบายด้านภาษี การค้า และการย้ายถิ่นฐาน ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายของเฟด พร้อมย้ำถึงความเป็นอิสระของธนาคารกลาง โดยยืนยันว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) จะตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลและการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยไม่ถูกชี้นำจากปัจจัยภายนอก

"ลิซา คุก" เมินทรัมป์จี้ลาออก ยันไม่ทิ้งเก้าอี้กรรมการเฟด

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามไล่ ลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พ้นกรรมการเฟด หลังถูกกล่าวหาฉ้อโกงกู้เงินซื้อบ้าน โดยเรียกร้องให้นางลิซา ลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกกล่าวหาว่าทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งในภายหลัง ลิซา คุก ออกมาโต้ตอบว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกรังแกให้ลาออกจากตำแหน่งเพราะคำถามบางอย่างที่เกิดขึ้นในทวีตเดียว และพร้อมที่จะรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงรานละเอียดในภายหลัง

หากตั้งข้อสังเกตการดำเนินการของทรัมป์ คล้ายกับพยายามบั่นทอนอำนาจสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อหาตัวแทนเข้าไปแทรกแซงการทำงานของเฟด เหมือนกันกับ การแต่งตั้งนายสตีเฟน มิแรน เกิดขึ้นเพื่อทดแทนตำแหน่งของเอเดรียนา คูเกลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟดที่ได้ลาออกไป เพื่อเร่งแผนกดดันการลดอัตราดอกเบี้ย

สหรัฐฯ–แคนาดา–อียู ส่งสัญญาณผ่อนคลายภาษี หวังรักษาความสัมพันธ์พันธมิตร

สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงการค้า โดยจำกัดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ไว้ที่ 15% ซึ่งต่ำกว่าที่ทรัมป์เคยขู่จะขึ้นถึง 250% สำหรับยา และ 100% สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ ข้อตกลงยังรวมถึงคำมั่นของ EU ในการซื้อน้ำมันและก๊าซจากสหรัฐฯ มูลค่า 7.5 แสนล้านดอลลาร์ และลงทุนเพิ่มเติมอย่างน้อย 6 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ พร้อมยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมและเปิดตลาดสินค้าเกษตรมากขึ้น โดยสหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษี Most Favoured Nation (MFN) เฉพาะสินค้าบางรายการตั้งแต่ 1 กันยายน โดยภาคเภสัชภัณฑ์ถูกจำกัดเพดานภาษีที่ 15% เพื่อลดต้นทุนด้านสุขภาพ ส่วนภาคยานยนต์ตกลงจัดเก็บภาษีรถยนต์ยุโรปที่ 15% ซึ่งแม้จะต่ำกว่าปัจจุบัน แต่ยังสร้างความกังวลต่อผู้ผลิต โดยเฉพาะเยอรมนีที่อาจสูญเสียรายได้จำนวนมาก

EU ยังให้สัญญาเพิ่มการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ แม้บางประเด็น เช่น กฎระเบียบดิจิทัล ไวน์ และสุรา จะยังไม่ถูกรวมในข้อตกลง กรรมาธิการการค้า EU ย้ำว่านี่คือข้อตกลงการค้าที่ดีที่สุดที่สหรัฐฯ เคยเสนอ แต่ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะต่อยอดไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคต

ขณะที่รัฐบาลแคนาดาประกาศยกเลิกการเก็บภาษีตอบโต้ต่อสินค้าสหรัฐฯ หลายรายการเมื่อวันศุกร์ (22 ส.ค.) โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ระบุว่า มาตรการดังกล่าวเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี พร้อมย้ำว่า แคนาดาจะให้ความสำคัญกับภาคส่วนยุทธศาสตร์เป็นหลัก ขณะดำเนินความร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ แคนาดาได้เก็บภาษีตอบโต้ 25% ต่อสินค้าสหรัฐฯ หลายรายการตั้งแต่เดือนมี.ค. ภายใต้ข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือ หลังสหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษี 25% กับเหล็กและอลูมิเนียม อย่างไรก็ตาม ภาษีนำเข้าต่อรถยนต์ เหล็ก และอลูมิเนียมจากสหรัฐฯ จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป

สหรัฐฯ จ่อเก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ หลังทรัมป์สั่งสอบสวนครั้งใหญ่

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสผ่าน Truth Social รัฐบาลจะเริ่มการสอบสวนด้านภาษีศุลกากรต่อการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การกำหนดอัตราภาษีใหม่ แต่ยังไม่ประกาศอัตราที่แน่ชัด ข้อมูลจาก Furniture Today ระบุว่า ในปี 2567 สหรัฐฯ นำเข้าเฟอร์นิเจอร์มูลค่าราว 2.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน โดยราว 60% มาจากเวียดนามและจีน ขณะที่จำนวนแรงงานในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ภายในประเทศลดลงต่อเนื่อง จาก 1.2 ล้านคนในปี 2522 เหลือเพียง 340,000 คนในปัจจุบัน

มาตรการใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อนำการผลิตเฟอร์นิเจอร์กลับคืนสู่รัฐอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา และมิชิแกน

จีนเจ้าภาพประชุม SCO ผู้นำกว่า 20 ประเทศร่วมถกความมั่นคง–การเมือง

รัฐบาลจีนประกาศว่าจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่เมืองเทียนจิน ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.–1 ก.ย.นี้ โดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้อนรับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงผู้นำจากกว่า 20 ประเทศเข้าร่วม การประชุมครั้งนี้ครอบคลุมประเทศที่มีพื้นที่รวมกันราวหนึ่งในสี่ของโลก และจะเป็นเวทีในการวางแผนเสริมสร้างความสัมพันธ์และความมั่นคงในภูมิภาค

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นอิสราเอล–กาซาและภาษีศุลกากร ทำให้หลายประเทศในเอเชียหันมาใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น โดยผู้เข้าร่วมสำคัญที่ได้รับเชิญ ได้แก่ ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่าน นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย

จีนย้ำว่า การประชุมครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างเอกภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โลกที่ซับซ้อนและไม่แน่นอน โดย SCO จะเป็นกลไกสำคัญในการรับมือกับความท้าทาย และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสันติภาพอย่างยั่งยืน การประชุมจะปิดท้ายด้วยการลงนาม “คำประกาศเทียนจิน” ซึ่งต่อยอดจากการประชุม SCO ครั้งล่าสุดในคาซัคสถานที่ให้ความสำคัญกับการต่อต้านก่อการร้าย พลังงานหมุนเวียน และเศรษฐกิจดิจิทัล

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์

26 สิงหาคม

• เวลา 19.30 น. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนก.ค. คาดการณ์ลดลง (-3.8%) จากที่ลดลง (-9.4%) ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พื้นฐาน) เดือนก.ค. ตลาดคาดการณ์เพิ่มขึ้น 0.3% จากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.
• เวลา 21.00 น. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย Conference Board เดือนส.ค. คาดการณ์ปรับตัวลงสู่ระดับ 96.3 จากระดับ 97.2 ในเดือนก.ค.

28 สิงหาคม

• เวลา 19.30 น. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งที่ 2) คาดขยายตัว 3.1% สูงกว่าครั้งก่อนที่ขยายตัว 3.0%

29 สิงหาคม

• ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) เดือนก.ค. คาดการณ์ทรงตัวที่ 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน

แนวโน้มราคาทอง

ภาพการเคลื่อนไหวราคาทองโลกในสัปดาห์ คาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อจากความเชื่อมั่น (Sentiment) ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ส่งผลให้ราคาทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบใกล้ระดับ 3,400 ดอลลาร์ ระยะสั้นแนะนำหาจังหวะเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาปรับตัวลงโดยมีแนวรับ 3,335 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุด 3,315 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ และ 3,440 ดอลลาร์ เป็นแนวต้านสำคัญ

นักลงทุนทองคำแท่งแนะนำทยอยเปิดสถานะซื้อสะสมเมื่อราคาปรับตัวลงที่ระดับ 51,250 – 51,300 บาท ขณะที่จุดขายปิดทำกำไรที่ 51,900 – 52,000 บาท

ดาวน์โหลดเอกสาร