VIJIT@อุดรธานี เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน
เปลี่ยนค่ำคืนของเมืองอุดรธานีให้เปล่งประก่ยด้วยแสงไฟและงานศิลป์กับงานใหญ่ VIJIT@ อุดรธานี “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน” ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติมหาราชินี วังมัจฉาหนองบัว จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดอุดรธานีและพันธมิตร เนรมิตสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติมหาราชินี วังมัจฉาหนองบัว ให้กลายเป็นอาณาจักรแห่งจินตนาการถ่ายทอดเสน่ห์วัฒนธรรมพื้นถิ่นอีสานด้วยมุมมองใหม่ผ่านการแสดงแสงสีเสียงและศิลปะร่วมสมัยยามค่ำคืน ผสานเทคโนโลยีและความทันสมัยอย่างลงตัว สะท้อนอัตลักษณ์และเรื่องราวชุมชน
งานวิจิตร@อุดรธานี จัดเต็มด้วย 11 ไฮไลท์ แสง สี ถ่ายรูปสวยๆ เดินเที่ยวชมได้รอบพื้นที่ ในระยะทาง 2 กิโลเมตร เริ่มต้นจากจุดที่ 1.กำเนิดเอ็งกอ ณ ดินแดนอุดร เปิดฉากด้วยแสงสีตระการตา ถ่ายทอดการเดินทางของชาวจีนโพ้นทะเลที่ผสานศิลปะ วัฒนธรรม และพิธีกรรมเข้ากับวิถีอีสานก่อเกิดการแสดง “เอ็งกอ” เหล่านักรบแห่งเขาเหลียงซานสื่อเรื่องราวบนผืนน้ำราวภาพในอดีต
จุดที่ 2. สะพานแห่งกาลเวลา สะพานเชื่อมร่างกายและวิญญาณ สื่อถึงแนวคิด “อดีตเคียงข้างปัจจุบัน” ด้วยแสงที่เคลื่อนไหวแทนการไหลเวียนของศิลปะ ศรัทธา และกาลเวลา จากบ้านเชียงสู่ความเชื่อในยุคปัจจุบัน จุดที่ 3.บทเพลงวิถีเอ็งกอ เสียงเพลง คือ ภาษาวิญญาณของชาวเอ็งกอ ใช้ในพิธีกรรมและถ่ายทอดเรื่องราวบรรพชน ผ่านการแสดงแสง สี เสียง สะท้อนจิตวิญญาณลึกซึ้ง จุดที่ 4. ค่ำคืนแห่งการบูชา เมื่อแสงสุดท้ายลับขอบฟ้า พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เริ่มขึ้น แสงจาก “ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์” เชื่อมมนุษย์กับพลังจักรวาลถ่ายทอดศรัทธาผ่านเฉดสีและการเคลื่อนไหวของแสง
เข้าสู่ จุดที่ 5.พญานาคาล่องทะเลบัวแดง พญานาคผู้พิทักษ์สายน้ำปรากฏผ่านเส้นไฟรูปลักษณ์พญานาคผสานกับเสาดอกบัวเรืองแสง เผยตำนานและศรัทธาที่ยังมีชีวิต จุดที่ 6.แสงสนุกแห่งอนาคต แม้ผู้คนจะสืบทอดอดีต แต่อนาคตต้องเริ่มจากเด็ก สีสันความสนุกเปรียบได้ดั่งอนาคตอันสดใสชาวอุดรธานี พื้นที่แห่งนี้เหมือนสนามพลังงานของเยาวชนผู้สืบทอดวัฒนธรรม เสียงหัวเราะ การเล่นสนุก แสงไฟที่วิ่งพลิ้วไปมาเป็นตัวแทนอนาคตอุดร” ที่ม่หยุดเคลื่อนไหว
จุดที่ 7 คืนแห่งแสงกลางหนองบัว แสงยามค่ำคืนตกกระทบบัวกลางน้ำ เปล่งประกายราวภาพวาดมีชีวิต จุดนี้จำลองความมหัศจรรย์ของ “ทะเลบัวแดง” ชวนให้หลงใหล จุดที่ 8.ลายเส้นศิลป์แห่งกาลเวลา แสงเคลื่อนไหวสะท้อนศิลปะที่หลอมรวมกับความเชื่อ ถ่ายทอดตำนานพญานาคและจังหวะแห่งศรัทธาอย่างกลมกลืน
จุดที่ 9 ลมหายใจใหม่ของชนเผ่า ถ่ายทอดมรดกจากบรรพชนสู่รุ่นใหม่ผ่านการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยย้ำสัมพันธ์ไทย-จีน และเรืองราวบ้านเชียงอย่างมีชีวิต จุดที่ 10.สรวงสวรรค์บันดาลพร มาจากตำนาน “แสงจากฟากฟ้า” กลายเป็นวงแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มอบพลังและความหวังแก่ผู้คนอุดรอย่างงดงาม และ จุดที่ 11.ศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณอุดร ดอกบัวขนาดใหญ่กลางพื้นที่ เป็นศูนย์รวมศิลปะ ความเชื่อ และจิตวิญญาณหลอมรวมอดีต ปัจจุบันอนาคตอย่างสง่างาม
ตลอดเส้นทางจะได้สัมผัสโลกแห่งแสง สี เสียง และเรื่องเล่าวัฒนธรรม ถักทออดีต ปัจจุบัน และอนาคตของชาวอุดร ที่นี่ไม่ใช่แค่งานแสดงไฟยามค่ำคืน แต่สร้างประสบการณ์ทางศิลปะและจิตวิญญาณ ทปลุกวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กลับมามีชีวิต ด้วยมุมมองใหม่
นอกจากแสงสีสุดตระการตาแล้ว มีกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังมาสร้างสีสัน ตั้งแต่เวลา 21.00-22.00 น. วันที่ 29 ส.ค.พบกับ Slapkiss ปิดท้ายกับ WANYAi ในวันที่ 30 ส.ค. และโซนร้านอาหารกว่า 35 ร้าน คัดสรรเมนูพื้นถิ่นและร้านดังจากโซเชียลมาให้ได้ลิ้มลอง
ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่า ตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 31,000 คน และสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากถึง 47.5 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน VIJIT@อุดรธานี “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน”ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้