ความขัดแย้งในประวัติ หลวงพ่ออลงกต จริง ๆ แล้วเป็นใคร ? | ห้องข่าวภาคเที่ยง
0 ดูห้องข่าวภาคเที่ยง - นอกจากการไล่สืบหาว่า หลวงพ่ออลงกต จริง ๆ แล้วเป็นใคร ก็ต้องถามด้วยว่าทำไมคลิปวิดีโอเมื่อ 16 ปี ที่แล้ว หลวงพ่อฯ ถึงเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ของตัวเองออกมา ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่กำลังเป็นข่าวในช่วงนี้ คลิปวิดีโอนี้ เผยแพร่อยู่ในช่องยูทูบชื่อ natuitv เป็นภาพพิธีกรเข้าไปสอบถามหลวงพ่ออลงกต ขอให้ช่วยเล่าประวัติของท่าน เพื่อเผยแพร่ไปถึงนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่ ออสเตรเลีย เนื้อหาภายในคลิป เป็นความตั้งใจดีล้วน ๆ ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลย ปัญหามีอย่างเดียวคือ สิ่งที่พูดในวันนั้น กับหลักฐานต่าง ๆ ทางทะเบียนราษฎร์ ที่ปรากฏออกมาในช่วงนี้ วนกลับเข้าสู่คำถามเดิมว่า ทำไม หลวงพ่ออลงกต ถึงต้องใช้ประวัติที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ในการบอกกับสังคม ซึ่งเรื่องนี้ต้องแยกเป็นอีกเรื่องความพยายามทำคุณความดี ที่ทีมทนายความ ชี้แจงกับสื่อฯ เมื่อวาน เพราะหลาย ๆ อย่างที่ตอบมา สามารถชี้แจงได้ว่าการบริหารจัดการเงินบริจาค ถูกนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ หรือไม่ ข้อมูลของ หลวงพ่ออลงกต ที่มีการเปิดเผยทั้งจากกรมการปกครอง และบุคคลใกล้ชิด สามารถสรุปได้แบบนี้ ว่าเมื่อปี 2503 มีชื่อในวัยเด็กกว่า ไกร เพ็ชร์แก้ว หรือ จอร์จ เป็นเด็กดี สุภาพ เป็นนักกีฬา อนาคตไกล ช่วงปี 2517-2519 เรียน มศ. 1 ถึง มศ. 3 อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น จากนั้นช่วงปี 2520 - 2522 เรียน ปวช. อยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก ตอนนั้นรู้จักกันในชื่อ เกรียงไกร เพ็ชร์แก้ว แล้วประวัติช่วงนี้ก็หายไปยาวจนถึงปี 2529 ถึงปรากฎข้อมูลว่า ได้บวชเป็นพระใช้ชื่อ อลงกต พลมุข ในเอกสารสมุดทะเบียน สัทธิวิหาริก และหนังสือสุทธิ ซึ่งมีการใช้เลข 13 หลักตรงกับของ นายอลงกต พลมุข อดีตข้าราชการที่เสียชีวิต แต่ปรากฎว่าต่อมาในปี 2552 มีการไปทำบัตรประชาชนใหม่ ที่จังหวัดลพบุรี จึงได้รับการยืนยันว่า สรุปแล้ว นายเกรียงไกร เพ็ชรแก้ว ได้เปลี่ยนเป็น อลงกต พูลมุข และมีเลขประจำตัว 13 หลัก ไม่ซ้ำกับ นายอลงกต ที่เสียชีวิตไปแล้ว ถ้าเรื่องจบที่ตรงนี้ยังพอเข้าใจได้ว่า เป็นการแก้ไขทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่ปัญหาที่ตามมาคือ มีการใช้เลข 13 หลักของ นายอลงกต ผู้เสียชีวิตไปใช้รับเงินบริจาคเข้า กองทุนอาทรประชานารถ จนพอเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นมา ถึงมีการยกเลิกเลขบัญชีนี้ ไปทำให้ไม่สามารถโอนเงินเข้าไปได้อีก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นคำถามที่สังคมคาใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมข้อมูลต่าง ๆ ถึงไม่สอดคล้องกัน และจะบอกว่าไม่กระทบกับใครก็ไม่ได้ เพราะเมื่อชื่อ นามสกุลไปผูกกับผู้เสียชีวิต หากเกิดมีคดีความใด ๆ ขึ้นมา ก็จะพัวพันไปถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตตามไปด้วย เมื่อเกิดความไม่สบายใจ ทำให้คนที่เคยบริจาคหลายคน ออกมาแจ้งความกับตำรวจ เพื่อขอให้การตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งรายล่าสุดก็คือ หนึ่ง บางปู อดีตนักร้องลูกทุ่ง ที่นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจสอบสวนกลาง และยกมือสาบาน สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดลพบุรี ระบุ หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อ-เลขบัตรประชาชน ไม่บริสุทธิ์ ต้องตรวจสอบว่ามีเจตนาใดแอบแฝง ส่วนเรื่องสีกาไม่พบความผิดปกติ นายวีระ จำลอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบใบสุทธิของหลวงพ่ออลงกต ว่า โดยธรรมเนียมถ้าจะบวชต้องไปให้ข้อมูลและแสดงตัวพร้อมหลักฐานยืนยันกับพระอุปชาย์ จากนั้นจะทำสัทธิวิหาริก หรือบัญชีผู้บวชใหม่ ส่วนประเด็นการใช้ชื่อผู้อื่น ต้องดูวัตถุประสงค์ว่ามีเจตนาอะไร หากตรวจพบก็จะดำเนินการตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ในวันนี้ประเด็นนี้ยังไม่ค่อยชัดเจน จะต้องให้ผู้เกี่ยวข้องทางทะเบียนราษฎร์ให้ความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งการกรอกข้อมูลใบสุทธิในอดีตไม่มีให้ระบุเลข 13 หลัก และหากย้อนพูดถึงเรื่องเจตนา การนำข้อมูลคนอื่นมาใช้ ถือว่าไม่บริสุทธิ์ใช่หรือไม่ นายวีระ ตอบเพียงว่า ใช่ ส่วนขณะที่มายื่นก็ไม่ทราบว่าหลวงพ่ออลงกตมีหลักฐานอะไรมาให้ดู แต่คาดว่าน่าจะมีการยื่นหลักฐาน ประกอบการให้ข้อมูล แต่จะใช้คำว่าผิดพลาดตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตามต้องดูการให้ข้อมูลกับพระอุปชาย์ และหากตรวจสอบว่าตั้งใจสวมข้อมูลคนอื่น ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แต่ต้องปราชิกเลยหรือไม่ ขอไม่ตอบ ส่วนมีการใช้เลข 13 หลักไปจัดตั้งกองทุน จะมีความผิดเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ก็ต้องดูว่าใครได้รับผลประโยชน์ และต้องไปดูเจตนาอีกครั้ง ส่วนใบสุทธิของพระที่นำไปใช้ธุรกรรม ก็ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานไหนรับ อีกทั้งในบางครั้งอาจจะมีการนำหลักฐานอย่างอื่นประกอบคู่กัน ส่วนใบสุทธิใบเก่า ยังไม่ได้เห็นข้อมูลว่ามีการใช้เลขบัตรประชาชนใด แต่จะกลับไปตรวจสอบ ส่วนใบล่าสุดนั้นก็เป็นเลขบัตรที่ลงท้ายด้วย 507 ซึ่งเป็นเลขบัตรประขาขนของนายเกรียงไกร เพ็ชรแก้ว ส่วนที่ใช้ชื่อพ่อคนอื่นในใบสุทธิเดิม ดูตั้งใจหรือไม่นั้น ก็ไม่สามารถตอบแทนได้ ต้องไปถามเจ้าตัว เพราะเขาทำประวัติตัวเอง อย่างไรก็ตามใบสุทธิเชื่อว่าคณะสงฆ์ปฏิบัติกันดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในอดีตอาจจะตกหล่น และกรณีนี้ถือว่าเป็นกรณีแรกที่สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน 13 หลักของผู้อื่น โดยการตรวจสอบนั้นไม่นาน สำหรับที่ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องสีกา ได้ดำเนินการรายงานไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายสุชาติยังได้สั่งการเพิ่มเติมให้รายงานเรื่องการตรวจสอบเลข 13 หลักภายในวันนี้อีกด้วยเช่นกัน กดติดตามช่อง CH7HD News ได้ที่ : https://cutt.ly/YTch7hdnews ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://news.ch7.com #ห้องข่าวภาคเที่ยง #ข่าวช่อง7 #CH7HDNEWS ติดตาม CH7HD News และ TERO Digital ได้ที่ : https://linktr.ee/ch7hdnews_tero
เล่นอัตโนมัติ