‘ปริญญา’ ชี้คดีชั้น14 ‘ทักษิณ’ อาการหนัก ผลไต่สวนไม่เป็นคุณ
นักกฎหมายชี้เปรี้ยง 9 ก.ย. ศาลฎีกาฯนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 เหลือแค่ลุ้น จะสั่งทักษิณกลับไปจำคุกหรือไม่ ‘ปริญญา’ระบุผลไต่สวนไม่เป็นคุณกับทักษิณ จุดตายคือการให้ความเห็นทางการแพทย์ที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงจนแพทยสภาลงโทษสองหมอ
10 ส.ค.2568-ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการไต่สวนเรื่องการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ศาลฎีกาฯนัดฟังคำสั่งผลการไต่สวนวันที่ 9 ก.ย.นี้ว่า แนวโน้มของคำสั่งจะเป็นอย่างไร พอคาดการณ์ได้ส่วนหนึ่ง การที่กรมราชทัณฑ์จะอนุญาตให้ผู้ต้องขังคนหนึ่งคนใดออกไปทำการรักษาตัวนอกเรือนจำ จะต้องอาศัยความเห็นทางการแพทย์เป็นหลัก โดยการส่งตัวออกมานอกเรือนจำตามอาการ จะมีสองแบบ คือหนึ่ง หากยังคงให้รักษาอาการอยู่ในสถานพยาบาลของเรือนจำ อาการจะไม่ทุเลา สอง เป็นโรคเฉพาะทางที่บุคลากรทางการแพทย์ของเรือนจำไม่มี หากเข้าเหตุในข้อใดข้อหนึ่งของสองข้อดังกล่าว ก็ส่งตัวมาข้างนอกได้
กรณีนี้ แพทย์ที่ให้ความเห็น ก็เป็นการให้ความเห็นล่วงหน้า เซ็นไว้ล่วงหน้า ที่ต่อมาถูกแพทยสภาเตือน ส่วนแพทย์อีกสองคน ตอนที่มีการขยายเวลาสองครั้ง(ขยายเวลาให้นายทักษิณพักรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ) คือ ครบกำหนดสามสิบวัน กับครบกำหนดหกสิบวัน ที่เป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์โดยความเห็นทางการแพทย์ ซึ่งแพทยสภาก็ลงมติ พักการใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ แม้รมว.สาธารณสุข จะวีโต้ แต่แพทยสภาก็ลงมติยืนยันการลงโทษดังกล่าวด้วยมติเกินสองในสาม โดยเหตุผลที่ลงโทษคือให้ความเห็นทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า จุดนี้เลยเป็นเรื่อง เพราะการที่แพทยสภาลงมติว่ามีการให้ความเห็นทางการแพทย์ที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงแล้วอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปอนุญาตให้รักษาตัวได้ต่อ มันก็เป็นประเด็น การที่นายทักษิณไม่อยู่ในเรือนจำตลอด 180 วัน ก็เป็นประเด็นว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการที่นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯไปให้ศาลฎีกาฯไต่สวนแทนคุณทักษิณ คือนายทักษิณไม่ได้ไปเอง หรือการที่ศาลฎีกาฯไม่ได้มีการไต่สวนนายทักษิณ ความจริงแล้ว นายทักษิณ ก็อาจต่อสู้ได้ว่า ได้ใช้สิทธิตามพรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 55 และใช้สิทธิตามกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำที่ออกมาในปี พ.ศ. 2563 ว่าตัวเองมีสิทธิรักษาตัวนอกเรือนจำ จึงใช้สิทธิดังกล่าว แต่การอนุญาตหรือไม่ เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ เมื่อมีการอนุญาต ผิดหรือถูก ก็เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ โดยบอกว่าผมเป็นผู้ป่วยที่สุจริต แต่ทีนี้ ปรากฏว่าไม่เห็นข้อต่อสู้อะไรตรงนี้ การที่ศาลฎีกาฯ ไม่ได้เรียกนายทักษิณ ไปไต่สวน แปลว่าอะไร
เมื่อผู้สัมภาษณ์ตอบว่าเป็นเพราะศาลฎีกาฯมีข้อมูลครบแล้ว ดร.ปริญญากล่าวตอบว่า “ทำนองนั้น” คือในทางการพิจารณาคดี หากศาลฎีกาฯไม่ไต่สวนอะไรเลย เพราะศาลฯเห็นว่ามีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพียงพอแล้ว ศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาได้เลย มันเป็นแบบนั้น
“ผมเลยคิดว่า เรื่องของการมีคำสั่งวินิจฉัยว่าการจำคุกหรือการไม่ปฏิบัติตามหมายจำคุกตลอด 180 วันมีความไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เหลือลุ้นแค่เรื่องเดียวว่า ศาลฎีกาฯจะสั่งอย่างไร จะสั่งให้นายทักษิณกลับไปจำคุกหรือว่าถ้าเป็นอย่างนั้น กรมราชทัณฑ์จะสามารถใช้ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการกักขังนอกเรือนจำได้หรือไม่ ที่เป็นระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่เพิ่งออกมาใหม่ ตรงนี้ต้องติดตามดู แต่พูดเร็วๆได้ว่าแนวโน้มไม่น่าจะเป็นคุณกับนายทักษิณเท่าใด”
ส่วนคดีที่ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายทักษิณ ตกเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 วันที่ 22 ส.ค. แต่การที่นายทักษิณไปพูดก่อนหน้านี้ว่า หลังวันที่ 22 ส.ค. ก็หมดเรื่องแล้ว อันนี้ดูจะเป็นความมั่นใจแบบแปลกๆ ที่ก็ต้องรอฟังผลคำพิพากษาของศาลอาญาวันที่ 22 ส.ค. จะออกมาอย่างไร แต่ที่เห็นแล้วก็คือวันที่ 9 ก.ย. ที่แนวโน้มไม่น่าจะดีเท่าใดกับนายทักษิณ
"สำหรับนายทักษิณที่เหลือจริงๆ หากพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ก็เหลือตรงจุดที่ว่าศาลฎีกาฯจะสั่งให้กลับไปอยู่ในเรือนจำหรือไม่ เพราะว่าเรื่องใหญ่คือ ความเห็นทางการแพทย์มันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ทำให้คำสั่งของกรมราชทัณฑ์มีปัญหาเลยกับการรักษาตัวชั้น 14 ก็เหลือเพียงแค่ลุ้นว่าศาลฎีกาฯจะสั่งอย่างไร"