โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รวม 8 จังหวัด เจอภัยพิบัติซ้ำซาก ในรอบ 10 ปี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด มีบ้านเราไหม?

sanook.com

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • Sanook
จังหวัดเคราะห์ซ้ำกรรมซัด! เปิดสถิติ 10 ปี ภัยพิบัติถล่มไทยซ้ำซาก ที่ไหนอ่วมสุด?

จังหวัดเคราะห์ซ้ำกรรมซัด! เปิดสถิติ 10 ปี ภัยพิบัติถล่มไทยซ้ำซาก ที่ไหนอ่วมสุด?

ประเทศไทยคือดินแดนที่งดงามด้วยภูมิประเทศหลากหลาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง หลายจังหวัดต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติแทบทุกปี ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย ดินโคลนถล่ม แผ่นดินไหว พายุฤดูร้อน ภัยแล้ง ตลอดจนปัญหา ฝุ่นพิษ PM2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บทความนี้สังเคราะห์ภาพรวมจากรายงานสถิติและข่าวสารตลอดทศวรรษที่ผ่านมา (พ.ศ. 2558–2567) เพื่อชี้ให้เห็น “จุดเปราะบาง” รายภูมิภาค พร้อมบทเรียนสำหรับการรับมือเชิงรุก

ภาพรวมทศวรรษ 2558–2567: ความถี่สูงขึ้น ความรุนแรงมากขึ้น

  • เหตุอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากเกิดซ้ำในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำสายหลัก เช่น ชี–มูล ตาปี–พุมดวง ปากพนัง
  • ดินถล่มเพิ่มความเสี่ยงในพื้นที่ภูเขาสูงภาคเหนือ โดยเฉพาะแนวสันเขาและชุมชนเชิงเขา
  • แผ่นดินไหวขนาดเล็กถึงปานกลางเกิดเป็นระยะในแนวรอยเลื่อนมีพลังภาคเหนือ
  • พายุฤดูร้อนและลมกระโชกแรงสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยและพืชผลถี่ขึ้น
  • ฤดูแล้งยาวนานมากขึ้นจากภาวะฝนทิ้งช่วง ขณะที่ฤดูฝนมี “ฝนหนักเป็นจุด ๆ” จนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน
  • มลพิษอากาศ PM2.5 รุนแรงขึ้นในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน โดยมีไฟป่าและการเผาในที่โล่งเป็นปัจจัยร่วม

ภาคเหนือ: ดินแดนขุนเขา ที่ต้องสู้ทั้ง “ดินถล่ม–น้ำป่า–ฝุ่นควัน”

เชียงรายเผชิญแทบทุกมิติ ทั้งความเสี่ยงแผ่นดินไหวจากแนวรอยเลื่อนมีพลัง (เช่น แม่จัน) เหตุอุทกภัย–ดินโคลนถล่มตามร่องมรสุม และวิกฤต PM2.5 ช่วงหน้าแล้งในกลุ่มอำเภอชายแดนและพื้นที่ภูเขา ขณะที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยว ต้องรับมือ “น้ำปิงเอ่อล้น–น้ำท่วมในเมือง” เกือบทุกฤดูฝน พร้อมปัญหาฝุ่นพิษต้นปีที่กระทบสุขภาพ–ท่องเที่ยวอย่างหนัก

น่านโดดเด่นด้วยความชันของภูมิประเทศและการใช้ที่ดินที่เปราะบาง ทำให้น้ำป่า–ดินถล่มเกิดซ้ำ โดยเฉพาะอำเภอบ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และพื้นที่เมืองน่านเองก็เผชิญน้ำท่วมซ้ำซากเมื่อเกิดฝนหนักต่อเนื่อง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จาก “แล้งสุดขั้ว” สู่ “ท่วมมิดหลังคา”

ภูมิประเทศลักษณะ “แอ่งกระทะ” ทำให้หลายจังหวัดในอีสานเผชิญสองขั้วสุดโต่งในรอบปี อุบลราชธานีในฐานะปลายน้ำชี–มูล ต้องรับมวลน้ำจากตอนบน เกิดน้ำท่วมกินเวลายาวนานในเมือง–วารินชำราบหลายปีติดกัน เมื่อพ้นฤดูฝนก็กลับต้องเจอภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง

ชัยภูมิสลับ “ท่วม–แล้ง” เป็นวงจร โดยเขตเมืองและจัตุรัสเผชิญน้ำชีเอ่อล้น ส่วนพื้นที่นอกชลประทานกระทบหนักในฤดูแล้ง ขณะที่นครราชสีมาประตูสู่ภาคอีสานเผชิญอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มต่ำอย่างพิมาย–โนนสูง บวกกับพายุฤดูร้อนที่สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

ภาคใต้: มรสุมถล่ม “น้ำท่วม–ดินถล่ม” วนเวียนไม่สิ้นสุด

ด้วยการตั้งอยู่ระหว่างอ่าวไทย–อันดามัน ภาคใต้รับอิทธิพลมรสุมเต็มแรง นครศรีธรรมราชเผชิญน้ำท่วมใหญ่–น้ำป่าแทบทุกปี โดยเฉพาะลุ่มน้ำปากพนัง เขตเมือง และจุฬาภรณ์ ส่วนสุราษฎร์ธานีในลุ่มตาปี–พุมดวงมักเผชิญน้ำท่วมขังยาวในพุนพิน–อำเภอเมืองเมื่อเกิดฝนหนักในพื้นที่ต้นน้ำ

ทำไม “ซ้ำซาก” และ “รุนแรงขึ้น”?

  • ภูมิอากาศสุดขั้ว: อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นทำให้ไอน้ำในบรรยากาศมากขึ้น ฝนตกหนักสุดโต่งบ่อยขึ้น ขณะเดียวกันช่วงแล้งยาวขึ้น
  • การใช้ที่ดิน–ขยายเมือง: การก่อสร้างกินแนวลำน้ำ ทางน้ำตื้น–ตัน เร่งน้ำท่วมฉับพลัน
  • พื้นที่เสี่ยงเดิม–โครงสร้างเปราะบาง: ชุมชนเชิงเขา ลุ่มน้ำเดิม ขาดระบบป้องกันน้ำ–ดินถล่มที่เพียงพอ
  • ปัจจัยข้ามแดน: ไฟป่า–การเผาในที่โล่งภาคเหนือและประเทศเพื่อนบ้าน ซ้ำเติม PM2.5

เช็กจังหวัดเสี่ยงซ้ำ (ตัวอย่างจังหวัดเด่นรายภูมิภาค)

  • ภาคเหนือ: เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน — น้ำป่า–ดินถล่ม–ฝุ่นควัน/แผ่นดินไหว
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: อุบลราชธานี, ชัยภูมิ, นครราชสีมา — น้ำชี–มูลล้น, พายุฤดูร้อน, แล้งยาว
  • ภาคใต้: นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี — มรสุมหนัก น้ำหลากรวดเร็ว ดินถล่มจุดเสี่ยง

ข้อเสนอรับมือเชิงพื้นที่ (ทำได้เลย–เห็นผลไว)

  • ทำแผนที่ความเสี่ยงรายชุมชน อัปเดตทุกปี ผูกกับข้อมูลฝน–น้ำท่า–ดินถล่มแบบเรียลไทม์
  • ขุดลอก–เปิดทางน้ำเดิม คืนพื้นที่รับน้ำในเมือง สร้างแก้มลิงย่อมในโรงเรียน–วัด–ชุมชน
  • เตือนภัยเชิงรุก ติดตั้งเซนเซอร์ฝน–ระดับน้ำ–การเคลื่อนตัวของดินในจุดเสี่ยง พร้อมระบบแจ้งเตือนผ่านมือถือ
  • ออกแบบเมืองทนน้ำ ทางเท้า–ถนนซึมน้ำ พื้นที่สีเขียวเพิ่มอัตราการซึม ลดน้ำท่วมฉับพลัน
  • ลดจุดกำเนิดฝุ่น บังคับใช้มาตรการห้ามเผา–บริหารเชื้อเพลิงป่า สร้างแรงจูงใจทางเศรษฐศาสตร์แก่ชุมชน
  • ซ้อมอพยพประจำปี โรงเรียน–รพ.–สถานที่ราชการ จัดทำเส้นทางอพยพ–จุดปลอดภัยชัดเจน

สรุป: อยู่กับความเสี่ยงอย่างรู้เท่าทัน

แม้แต่ละจังหวัดจะมีบริบทความเสี่ยงต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ “ความถี่–ความรุนแรง” ที่เพิ่มขึ้น การวางแผนรับมือเชิงรุก การแจ้งเตือนล่วงหน้า และการบริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม คือกุญแจที่จะลดความสูญเสียชีวิต–ทรัพย์สิน และทำให้เมืองไทยอยู่กับภัยพิบัติได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น

ตารางจังหวัดที่เจอภัยพิบัติซ้ำซาก (พ.ศ. 2558-2567)

จังหวัด ประเภทภัยพิบัติที่เผชิญ เชียงราย แผ่นดินไหว, อุทกภัย, ดินโคลนถล่ม, ฝุ่นพิษ PM2.5 เชียงใหม่ อุทกภัย, ดินโคลนถล่ม, ฝุ่นพิษ PM2.5 น่าน อุทกภัย, ดินโคลนถล่ม อุบลราชธานี อุทกภัย, ภัยแล้ง ชัยภูมิ อุทกภัย, ภัยแล้ง นครราชสีมา อุทกภัย, พายุฤดูร้อน, ภัยแล้ง นครศรีธรรมราช อุทกภัย, น้ำป่าไหลหลาก, ดินโคลนถล่ม สุราษฎร์ธานี อุทกภัย

สัญญาณเตือนจากธรรมชาติ

จะเห็นได้ว่าแต่ละจังหวัดต้องเผชิญกับภัยพิบัติในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามภูมิศาสตร์ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความถี่และความรุนแรงที่ทวีคูณ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การวางแผนรับมือ การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า และการบริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยบรรเทาความสูญเสียในอนาคต

แหล่งอ้างอิง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...