โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

พบสุสานโบราณบรรจุกระดูกเหยื่อสังเวยอายุกว่า 2,000 ปีโดนรัดคอ-มัดมือไขว้หลัง

เดลินิวส์

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • เดลินิวส์
นักโบราณคดีเผยการค้นพบสุสานสุดแปลกในเปรู ภายในฝังโครงกระดูกมนุษย์อายุราว 2,300 ปี มีเชือกพันรอบคอและมือถูกมัดไพล่หลัง คาดเป็นเหยื่อในพิธีบูชายัญ

วันนี้ (1 ก.ย. 2568) มีรายงานการค้นพบของทีมนักโบราณคดีที่กำลังขุดค้นวิหารโบราณในประเทศเปรูว่าได้พบซากโครงกระดูกมนุษย์มากกว่าสิบรายที่มีอายุย้อนไปประมาณ 2,300 ปี นักโบราณคดีกล่าวว่าการฝังศพเหล่านี้มีลักษณะที่หายากและไม่เหมือนใคร โดยบางส่วนมีร่องรอยชี้ว่าเจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้อาจเป็นเหยื่อในพิธีบูชายัญ

“วิธีการจัดวางศพในหลุมฝังศพนั้นแปลกมาก” เฮนรี ตันตาเลออน ศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติซานมาร์กอสแห่งกรุงลิมา ประเทศเปรู กล่าว เขาเป็นผู้นำทีมขุดค้นครั้งนี้และระบุว่า ศพถูกจัดวางในลักษณะ “คว่ำหน้าลงกับพื้น ซึ่งเป็นรูปแบบการฝังศพที่ไม่ปกติเลยตลอดช่วงประวัติศาสตร์ยุคก่อนโคลัมเบียของเทือกเขาแอนดีส”

ตันตาเลออนกล่าวว่า โครงกระดูกหลายร่างมีกะโหลกศีรษะที่แตก บางร่างมีเชือกรัดรอบคอและมือถูกมัดไพล่หลัง ซึ่งบ่งชี้ว่าบุคคลเหล่านี้เป็นเหยื่อสังเวย “นอกจากนี้ยังไม่มีข้าวของหรือเครื่องเซ่นสังเวยใดๆ วางไว้กับศพ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ปกติเช่นกัน”

ทีมงานค้นพบโครงกระดูกเหล่านี้ใกล้กับ วิหารปูเอมาเป ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของชายฝั่งประเทศเปรูตั้งแต่ปี 2567 และยังคงดำเนินการขุดค้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงในปีนี้

วิหารดังกล่าวมีอายุประมาณ 3,000 ปี แต่หลุมฝังศพเหล่านี้มีอายุน้อยกว่านั้น คือประมาณ 400-200 ปีก่อนคริสตกาล จึงมีการสันนิษฐานว่า ตัววิหารอาจถูกทิ้งร้างไปแล้วก่อนที่จะมีการทำพิธีสังเวยด้วยมนุษย์

“พวกเขาอาจเป็นเครื่องสังเวยที่ถวายแก่สถานที่บูชาโบราณแห่งนี้” ตันตาเลออนกล่าว

อย่างไรก็ตาม นักโบราณคดียังสามารภถระบุลงไปได้อย่างแน่ชัดว่า ผู้ที่ถูกสังเวยเป็นใคร “มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้ แต่เราก็มีสมมติฐานว่าพวกเขาอาจมาจากหุบเขาใกล้เคียง” ตันตาเลออนกล่าว

การวิเคราะห์โครงกระดูกยังคงดำเนินต่อไป และทีมงานวางแผนที่จะทำการศึกษาเพิ่มเติม รวมถึงการทดสอบดีเอ็นเอเพื่อระบุตัวตนของบุคคลเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์เครื่องปั้นดินเผา ซากสัตว์ และพืชที่พบในพื้นที่วิหารด้วย

ที่มา : livescience.com

เครดิตภาพ : Henry Tantaleán

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...