โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ต่างชาติมอง ‘ตลาดหุ้น’ ไทย-อินโดนีเซีย เสี่ยงถูกกระทบจากปัจจัยการเมือง-ประท้วง

The Bangkok Insight

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • The Bangkok Insight

นักวิเคราะห์ต่างประเทศ มอง ตลาดหุ้นไทย-อินโดนีเซีย 2 ตลาดขนาดใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสี่ยงถูกกระทบ จากเหตุประท้วงรุนแรง-ความวุ่นวายทางการเมือง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ส.ค.) ดัชนีจาการ์ตา คอมโพสิต ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย ร่วงลง 1.53% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นทั่วโลก ด้านตลาดหุ้นไทยอยู่ในกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุดเช่นกัน โดยดัชนี SET ปิดลบ 1.08% ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง

ไทย-อินโดนีเซีย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซีย ตัดสินใจยกเลิกการเดินทางเยือนจีน หลังเกิดเหตุจลาจลรุนแรงในประเทศ ซึ่งมีชนวนเหตุมาจากปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น และความเหลื่อมล้ำ

โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้พุ่งเป้าไปที่บ้านพักของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสมาชิกรัฐสภาหลายคน เนื่องจากไม่พอใจเกี่ยวกับค่าเบี้ยเลี้ยงบ้านพักของสมาชิกสภานิติบัญญัติ ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำต่อเดือนในกรุงจาการ์ตาเกือบ 10 เท่า

ความไม่พอใจยิ่งลุกลาม ทั้งจากประเด็นการขึ้นภาษี การเลิกจ้างงานจำนวนมาก และอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้มีรายได้น้อย

ส่วนในไทย ซึ่งเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมืองมานานหลายทศวรรษ ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจช้ากว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ล่าสุดสถานการณ์ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ทำให้รัฐบาลสิ้นสุดลง และเกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง

อินโฟเควสต์ รายงานว่า เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในทั้ง 2 ประเทศเกิดขึ้นในจังหวะที่กองทุนระดับโลกบางแห่ง กำลังพิจารณาที่จะโยกเงินลงทุนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากราคาหุ้นที่ถูกลง ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ได้เพิ่มความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติจะถอนทุนออก และสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินในประเทศ

จอห์น ฟู ผู้ก่อตั้งบริษัท Valverde Investment Partners ในสิงคโปร์ แสดงความเห็นว่า ความเสี่ยงทางการเมืองในอินโดนีเซียจะเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลให้ค่าความเสี่ยงของหุ้นสูงขึ้นตามไปด้วย

เขาบอกด้วยว่า บริษัทกำลังปรับลดน้ำหนักการลงทุนในอินโดนีเซีย เนื่องจากมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาที่แท้จริงในระบบเศรษฐกิจ

ไทย-อินโดนีเซีย

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากสิงคโปร์มองสถานการณ์ของไทยในแง่ดีกว่า โดยชี้ว่าราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ และตลาดยังคงมีความหวังว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Aletheia Capital ในสิงคโปร์ มองว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทั้ง 2 ประเทศ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองระยะยาว เนื่องจากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น และราคาหุ้นที่อยู่ในระดับน่าสนใจ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X: https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...