Market-think : การเมืองเปลี่ยน
คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
ต้องยอมรับว่า “ธุรกิจ” กับ “การเมือง” แยกกันไม่ออก
“การเมือง” เปลี่ยนก็ต้องกระทบกับ “ธุรกิจ” ด้วย
ครับ ตอนนี้การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญ
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกำหนดวันอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียง“แพทองธาร ชินวัตร” วันที่ 29 สิงหาคมนี้
ก่อนหน้านี้ 7 วัน คือ วันที่ 22 สิงหาคม ศาลจะตัดสินคดีคุณทักษิณ ชินวัตร ในคดี 112
และวันที่ 9 กันยายน จะเป็นคิวของคดีชั้น 14
ปฏิทินการเมืองไทยกำหนดไว้เช่นนี้
1.ถ้าคดีคุณทักษิณ เรื่อง 112 ผลออกมาว่าคุณทักษิณผิดจริง
เรื่องนี้จะส่งผลต่อการเมืองไทยครั้งใหญ่
สถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ คุณทักษิณถูกตัดสินจำคุก และไม่รอลงอาญาเหมือนคดี 112 อื่น ๆ
พรรคเพื่อไทยระส่ำระสายแน่นอน
และส่งผลต่อเรื่องราวหลังจากนี้
แต่ถ้าศาลตัดสินว่าคุณทักษิณไม่ผิด
อำนาจต่อรองทางการเมืองของคุณทักษิณจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะจะมีการตีความในทางบวกต่อ “กำลังภายใน” ของคุณทักษิณ
2.ถ้าคุณแพทองธารยืนหยัดจนถึงวันที่ 29 รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ถ้าผลออกมาเป็นในทางบวก
คุณแพทองธารยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
รัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะเหมือน “พยัคฆ์เสียบปีก”
เสียง สส.ในสภาจะเพิ่มขึ้นทันที เพราะ สส.พรรคฝ่ายค้านเริ่มอ่านเกมแล้วว่ารัฐบาลมีโอกาสอยู่ยาว
และหันมาสนับสนุนรัฐบาล
3.ถ้าผลการตัดสินออกมาในทางตรงกันข้าม
ซึ่งคนส่วนใหญ่อ่านเกมว่าจะออกมาทางนี้
เพราะเมื่อเทียบกับคดีของ “เศรษฐา ทวีสิน”
คดีของ “แพทองธาร” หนักกว่าเยอะ
ดังนั้น ถ้าศาลตัดสินว่า “แพทองธาร” ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จะเกิดสุญญากาศการเมืองขึ้นทันที
แม้พรรคเพื่อไทยจะเหลือตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง คือ “ชัยเกษม นิติสิริ”
แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุน “ชัยเกษม”
ทุกพรรคต้องดูกระดานการเมืองแล้วว่าควรจะเล่นไพ่ใบเดิม หรือเปลี่ยนไปเล่นใบใหม่
อำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลจะสูงมาก
แต่ “ค่าตัว” สส.จะสูงมากกว่า
4.คำถามก็คือ ใครจะเป็นคนชิงธงจากพรรคเพื่อไทย
คำตอบตามคณิตศาสตร์การเมืองมีอยู่เพียงคนเดียว คือ “อนุทิน ชาญวีรกูล”
แต่จากตัวเลข สส.ในสภา “ภูมิใจไทย” ไม่มีทางเป็นนายกฯได้ หากพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาชนไม่สนับสนุน
พรรคเพื่อไทยคงไม่หนุนแน่นอน
ส่วนพรรคประชาชนนั้นเปิดช่องไว้แล้วว่า พร้อมสนับสนุนใครก็ได้ที่สัญญาว่าจะเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภาภายในสิ้นปีนี้
โดยที่พรรคประชาชนจะไม่เป็นรัฐบาล
นี่คือ โอกาสเดียวของคุณอนุทิน
แต่จะกล้าหรือเปล่า
5.สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืม คือ เรื่องการยุบสภา
พรรคเพื่อไทยนั้นตีความว่ารักษาการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจยุบสภาอยู่ในมือ
ดังนั้น ถ้า “แพทองธาร” ตัดสินใจลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน
และใช้เงื่อนไขนี้ต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล
ถ้าไม่หนุน “ชัยเกษม”
…ยุบสภา
แนวทางนี้ผมเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น
แต่เรื่องนี้ก็คงมีคนร้องศาลรัฐธรรมนูญแน่นอนว่ามีอำนาจหรือไม่
และที่สำคัญ หากพรรคร่วมรัฐบาลสัญญาว่าจะหนุน “ชัยเกษม”
พอเข้าสภา แล้วจะทำอย่างที่สัญญาไว้หรือไม่
พรรคจะคุมเสียง สส.ได้จริงหรือ ?
6.มีคนวิเคราะห์ว่าถ้าพรรคเพื่อไทยต้องการ “ความแน่นอน” ก็หันไปจับมือกับพรรคประชาชน
แค่ 2 พรรคก็เกินกึ่งหนึ่งของสภาแล้ว
ยอมทำตามเงื่อนไขของพรรคประชาชน
แต่อย่าลืมว่าคุณทักษิณมีคดีชั้น 14 ที่จะตัดสินในวันที่ 9 กันยายน
นี่คือ “บ่วงรัดเกล้า” ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยขยับไปแนวทางนี้ยาก
7.อีกเรื่องหนึ่งที่ประมาทไม่ได้ก็คือ ถ้า 2 ฝ่ายสู้กันในสภา และไม่มีแคนดิเดตนายกฯจากพรรคไหนได้เสียงสนับสนุนเพียงพอ
จะมีคนเรียกร้องใช้มาตรา 5
และอาจมีพลังงานพิเศษดันให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ
ครับ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในเมืองไทย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : Market-think : การเมืองเปลี่ยน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net