แพทย์ชี้ 5 สัญญาณเตือนมะเร็งสมอง ชนิดรุนแรงที่ทำลายชีวิตผู้ป่วย
หมอแนะนำ 5 ข้อ ทำความรู้จัก "มะเร็งสมอง" ชนิดลุกลามรุนแรง พร้อมทางรอดใหม่ที่น่าจับตา
ข่าวการเจ็บป่วยของบุคคลสาธารณะอย่าง ไมเคิล โบลตัน ศิลปินแกรมมี่ และเรื่องราวของ โคสต้า ฟานทิส ชายชาวอังกฤษที่เล่าถึงอาการผิดปกติก่อนการวินิจฉัย “มะเร็งสมอง ชนิดกลิโอแบลสโตมา” ได้สร้างความตระหนักรู้ถึงโรคร้ายที่อันตรายนี้ ซึ่งผู้ป่วยมักมีอายุขัยสั้นเพียง 14-16 เดือนหลังจากได้รับการวินิจฉัย
ดร.โจเซฟ จอร์จ ศัลยแพทย์ระบบประสาทจากเมืองฟีนิกซ์ ได้ให้ข้อมูลสำคัญ 5 ข้อเกี่ยวกับมะเร็งสมองชนิดนี้ โดยเน้นย้ำถึงความรุนแรงและลักษณะเฉพาะที่ทำให้รักษายาก แต่ก็ยังมีความหวังใหม่จากงานวิจัยล่าสุด
1. ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งสมองชนิดกลิโอแบลสโตมา
ในสหรัฐอเมริกา พบผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 14,500 คนต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 45-70 ปี และมีอายุเฉลี่ยในการวินิจฉัยอยู่ที่ 64 ปี ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องได้แก่ การได้รับรังสีไอออไนซ์จากการรักษามะเร็ง และภาวะทางพันธุกรรมบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ดร.จอร์จกล่าวว่าส่วนใหญ่แล้วมะเร็งชนิดนี้ “เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุในผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง”
2. อาการของมะเร็งสมอง
อาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอกในสมอง อาการทั่วไปที่พบบ่อยได้แก่ อาการปวดศีรษะ สับสน ชัก พูดลำบาก หรืออ่อนแรงที่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ในกรณีของโคสต้า ฟานทิส ผู้ป่วยชาวอังกฤษ มีอาการผิดปกติที่น่าสนใจคือ การได้กลิ่นคาราเมลหวานแปลกๆ ซึ่งแพทย์อธิบายว่าเป็นไปได้ที่เนื้องอกจะเกิดขึ้นในสมองส่วนขมับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประมวลผลกลิ่น
3. การวินิจฉัยที่แม่นยำ
การวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยการตรวจ CT Scan หรือ MRI เพื่อตรวจหาเนื้องอก และจะมีการยืนยันผลด้วยการ ตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการระบุชนิดของเนื้องอก ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการรอดชีวิตของผู้ป่วย ได้แก่ สุขภาพโดยรวม อายุ และการตอบสนองต่อการรักษา รวมถึงลักษณะทางพันธุกรรมของเนื้องอก
4. ความท้าทายในการรักษา
สิ่งที่ทำให้กลิโอแบลสโตมารักษายากคือ ลักษณะการเติบโตที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื้องอกจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อสมองโดยรอบ ทำให้การผ่าตัดเอาออกทั้งหมดเป็นไปได้ยากและอาจทำอันตรายต่อสมองส่วนสำคัญ การรักษามาตรฐานประกอบด้วย การผ่าตัด ตามด้วยรังสีบำบัดและเคมีบำบัด เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่หลงเหลือและชะลอการเติบโต แม้จะใช้วิธีการเหล่านี้ร่วมกัน ดร.จอร์จยอมรับว่าพยากรณ์โรคยังคงไม่ดีนัก
5. ความหวังใหม่จากการรักษาแบบเฉพาะบุคคล: DOC1021
ดร.จอร์จได้นำทีมวิจัยเพื่อทดลองรักษาด้วย Dubodencel (DOC1021) ซึ่งเป็นการบำบัดด้วย "เซลล์เดนไดรติก" ของผู้ป่วยเอง โดยจะนำเซลล์ภูมิคุ้มกันมาฝึกให้จดจำและโจมตีเซลล์มะเร็งได้อย่างตรงจุด การบำบัดนี้มีลักษณะเฉพาะบุคคลและไม่ต้องแก้ไขพันธุกรรม ซึ่งช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยสามารถต่อสู้กับมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลการทดลองในเฟส 1 พบว่า ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตที่ 12 เดือน สูงถึง 88% ซึ่งสูงกว่าการรักษาแบบมาตรฐานที่อยู่ที่ 60% อย่างเห็นได้ชัด และผู้ป่วยบางรายสามารถมีชีวิตยาวนานขึ้นถึง 24–36 เดือน ปัจจุบัน FDA ได้ให้สถานะเร่งด่วนแก่ DOC1021 และการทดลองในเฟส 2 กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งนับเป็นความหวังครั้งใหม่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งสมองชนิดนี้
แหล่งที่มาอ้างอิง
1.บทความจาก The New York Post และ Fox News Digital
2.ข้อมูลทางวิชาการและงานวิจัยของ ดร.โจเซฟ จอร์จ, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแอริโซนา และโรงพยาบาล Banner University Medical Center-Phoenix