กมธ.พัฒนาเมือง ลงพื้นที่ พิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ หลังปชช.ร้อง ใช้งบ 40 ล้าน เปิดได้แค่วันเดียว
กมธ.พัฒนาเมือง ลงพื้นที่ พิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ หลังปชช.ร้อง ใช้งบ 40 ล้าน เปิดได้แค่วันเดียว
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน นางสาวภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.พรรคประชาชน และ กรรมาธิการคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก กรณี พิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ 007 จังหวัดพังงา ที่เปิดใช้ได้เพียงวันเดียว โดยว่า
“สร้างทุกอย่างแต่ไม่เคยสร้างสรรค์การพิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ 007 จังหวัดพังงา ใช้งบฯสร้าง 40 ล้าน เปิดใช้ได้แค่วันเดียว
กรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ลงพื้นที่พิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ 007 จังหวัดพังงา หลังประชาชนร้องเรียนการใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า ปัจจุบันสถานที่ดังกล่าวไม่ได้ใช้ประโยชน์
แนวคิดการสร้างพิพิธภัณฑ์หลังนี้เกิดจากเมื่อปี 2517 หนังเรื่องเจมส์ บอนด์ 007 ตอน “เดอะ แมน วิธ เดอะ โกลเด้น กัน” เคยถ่ายทำในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2517 ที่เขาตาปู และเกาะเขาพิงกัน จ.พังงา
โครงการนี้ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 40ล้านบาท พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ และก่อสร้างเสร็จในปี 2557 และเปิดให้บริการเพียง 1 วันเท่านั้น จากนั้นก็ปิดยาว ไม่เคยได้เปิดใช้ตามวัตถุประสงค์ตั้งต้น นั่นคือ “เศรษฐกิจท่องเที่ยว”
จากการเข้าไปดู ดิฉันสงสัยว่ามันจะกระตุ้นได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งของในพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดเป็นของที่สร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทำจริงเลย เท่ากับว่าคนที่มาดู เขาได้ดูปืนเหมือนที่เจมส์ บอนด์ใช้ในหนัง ก็เท่านั้น
แนวคิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบนี้ ถ้าให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ คิดตื้นมาก ฉาบฉวยกระแสของหนังจนไม่จับต้องอะไรไม่ได้เลย แถมต้องจ่ายงบประมาณแผ่นดินอีก 40 ล้าน เพื่อจำลองตัวละครและฉากจากหนัง ทำเพื่ออะไร นี่คือคำถามของประชาชนที่ส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาให้กรรมาธิการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชนตรวจสอบ
นอกจากประชาชนไม่เคยมีส่วนร่วมในการออกแบบการท่องเที่ยวให้จังหวัดของตนเอง ยังต้องมาเสียงบประมาณแผ่นดินแทนที่จะถูกนำไปพัฒนาเศรษฐกิจได้ตรงจุด
จากการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของกรมธนารักษ์ และเมื่อสร้างเสร็จต้องการโอนให้เป็นทรัพย์สินของเทศบาลหรือ อบจ. แต่ทาง อปท. ไม่ต้องการทรัพย์สินดังกล่าว เนื่องจากการโอนที่ดินที่เป็นของกรมธนารักษ์ต้องทำสัญญาเช่า โดยกรมธนารักษ์คิดว่าเช่ากับ อปท. ปีละแสนบาท แม้จะมีการลดค่าเช่าลง แต่ท้องถิ่นก็ไม่ต้องการพิพิธภัณฑ์นี้ เพราะท้องถิ่นไม่ได้ขอให้มีการสร้าง และนอกจากไม่สามารถสร้างรายได้ได้ ยังเป็นภาระอีกด้วย
เท่าที่พูดคุยกับหน่วยราชการที่ร่วมลงพื้นที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นจังหวัด // กรมท่องเที่ยวและกีฬา // เทศบาลกระโสม // กรมธนารักษ์ ดิฉันสรุป
• การใช้งบประมาณภาครัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพ
• คิดมาไม่จบ สร้างเสร็จแล้วไม่รู้จะเอาไงต่อ ขาดการบริหารต่อเนื่อง สร้างแล้วทิ้ง งบประมาณใช้ไปกับการก่อสร้างอาคาร แต่มิได้รวมงบระยะยาวสำหรับการบริหาร การตลาด การจ้างงาน หรือการบำรุงรักษา ซึ่งเป็น “ต้นทุนที่มองไม่เห็น” แต่จำเป็นมาก
• สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของนโยบายรัฐไทย ที่เข้าใจว่าการ (ก่อ) สร้างคือการพัฒนา
• ขาดการมีส่วนร่วมจากท้องถิ่น โครงการถูกวางแผนจากส่วนกลาง (กรมการท่องเที่ยว) โดยไม่ได้วางกลไกที่ชัดเจนให้ชุมชนหรือเทศบาลมีบทบาทจริงในการบริหาร ผลคือเมื่อส่งมอบแล้ว ไม่มีความพร้อมด้านคน – งบ – โมเดลธุรกิจ
• ขาดแผนการตลาดและความเชื่อมโยงเชิงท่องเที่ยว ไม่มีการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวให้รู้ว่าพิพิธภัณฑ์คืออะไร ไม่มีการผูกเส้นทางทัวร์ หรือแม้แต่บูรณาการร่วมกับสถานศึกษาให้เข้าชม ทำกิจกรรมร่วมกับพิพิธภัณฑ์
• ความไม่ยืดหยุ่นของระบบราชการ: ทำให้เทศบาลไม่สามารถหาภาคเอกชนมาร่วมดำเนินงานได้ง่าย เพราะติดข้อจำกัดด้านกฎหมาย – สัญญาเช่า และกลไกการจัดซื้อจัดจ้าง
จากการหารือร่วมกัน ผลสรุปว่า ท่านจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นเจ้าภาพในการประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดพังงา โดยจะนำวัสดุ ครุภัณฑ์ที่มีอายุเกิน 10 ปีออกทั้งหมด และจะปรับปรุงสถานที่เพื่อในอนาคตท้องถิ่นและจังหวัดจะสามารถเข้ามาใช้งานได้
แน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ไม่ใช่แห่งเดียวแน่ๆ ที่สร้างแล้วทิ้ง มีสิ่งก่อสร้างอีกมากที่สร้างแล้วทิ้งแบบนี้ ดังนั้นดิฉันคิดว่า พอสักทีกับแนวคิดที่ว่าหากจะพัฒนาต้องก่อสร้าง และดิฉันในฐานะกรรมาธิการจะทำหนังสือติดตามการแก้ไขโครงการนี้ จนกว่าจะมีการแก้ไขตามที่ได้พูดคุยกัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กมธ.พัฒนาเมือง ลงพื้นที่ พิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ หลังปชช.ร้อง ใช้งบ 40 ล้าน เปิดได้แค่วันเดียว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th