มีน พีรวิชญ์ ไม่นอยด์ ถูกวิจารณ์สำเนียงไม่เหมาะกับบทหมอเหยา | เผยที่มาชื่อบริษัท “จำรัส จำสัส เอ้ย จำกัด”
ไนน์เอ็นเตอร์เทน
อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทยยอมรับว่าไม่นอยด์หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแสดง สำหรับนักแสดงหนุ่ม มีน พีรวิชญ์ ที่มาพร้อมกับบทบาท “หมอเหยา” จากภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ท่าแร่ ภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่จะปลุกความเชื่อของชาวพุทธและชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สู่การกำจัดสิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็น โดย หมอเหยา คือ ผู้ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมเหยา หรือที่เรียกว่าหมอผีชาวบ้านผู้คอยทำพีธีช่วยเหลือชาวบ้านเมื่อมีอาการเจ็บป่วย โดยเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการกระทำของสิ่งลี้ลับ ซึ่งในเรื่อง มีน ต้องมีการสวดบทกลอนลำเป็นภาษาภูไท ประกอบพิธีเหยา ทั้งนี้ หลังจากตัวอย่างภาพยนตร์ปล่อยออกไป แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ที่ได้เห็น มีน กำลังสวดกลอนลำดังกล่าว ด้านชาวเน็ตก็เกิดคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ถึงสำเนียงของมีนว่าไม่เข้ากับบทที่ได้รับ บ้างก็ว่าไม่เหมาะสม
ล่าสุดวันนี้ (5 ส.ค. 68) มีน ได้เปิดใจกับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนว่า ภาษาที่ใช้ในเรื่องเป็นภาษาอีสาน สำเนียงภูไท ซึ่งจะแตกต่างจากสำเนียงอีสานปกติ ทำให้หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู ตนเข้าใจและยอมรับในคำติชม เพราะมันสามารถทำให้นำไปปรับปรุงได้ในอนาคต ตนมองว่าบทบาทหมอเหยาเป็นบทที่ยากมาก ทั้งเรื่องของภาษาและวัฒนธรรมต่าง ๆ ทำให้ตนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.สกลนคร 1 อาทิตย์เต็ม ๆ เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านแบบเต็มที่ ส่วนการบ้านที่ต้องทำก็หนักมาก ๆ เพราะในการถ่ายทำต้องมีโค้ชถึง 3 คน ประกอบด้วย โค้ชการแสดง , โค้ชภาษาภูไท และหมอเหยาตัวจริง ที่คอยควบคุมการแสดง ซึ่งหากการแสดงผ่านแต่สำเนียงไม่ได้ เทคนั้นก็จะไม่ผ่านทันที เรียกได้ว่าเป็นบทที่ยากที่สุดในชีวิตของตนแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็อยากให้หลายคนลองเปิดใจดูก่อน เพราะตนก็เต็มที่กับการแสดงนี้มากจริง ๆ
ส่วนอีกหนึ่งเรื่องราวที่เป็นไวรัลอยู่ขณะนี้ คือ ชื่อบริษัทของมีน ที่มีชื่อว่า “บริษัท จำรัส จำสัส เอ้ย จำกัด” ซึ่งกำลังถูกแชร์บนโซเชียล เพราะมีความแปลกใหม่ แถมโดนเส้นชาวเน็ตไม่น้อย งานนี้ มีน เผยถึงที่มาของชื่อบริษัทว่า เกิดจากช่วงนั้นที่ต้องมีบริษัทเป็นของตัวเอง ตนจึงอยากตั้งชื่อแบบไม่ซ้ำใคร ส่วนตัวไม่ชอบคำว่า “จำกัด” เพราะฟังดูอึดอัดเลยใช้คำว่า “จำรัส” ที่แปลว่า เปล่งประกาย , รุ่งเรื่อง ส่วนที่มีคำว่า “จำสัส” เพราะอยากให้ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดี และคำว่า “เอ้ย” ก็เพิ่มต่อท้ายให้เหมือนเล่นมุขตลก ทั้งนี้ ตอนตั้งชื่อบริษัทก็พยายามตั้งตามกฎที่เขากำหนดมาให้ทุกอย่าง จริง ๆ จะมีการจำกัดไว้ว่าห้ามใช้ภาษายังไงหรือแบบไหน ตอนแรกก็แอบกังวลว่าชื่อนี้จะผ่านไหม แต่สุดท้ายก็ผ่าน ด้านคุณพ่อก็มีห้าม บอกอยากให้ใช้ชื่อแบบปกติธรรมดา แต่ด้วยความที่ไม่อยากเหมือนใครก็เลยตัดสินใจตั้งแบบนี้ไปเลย มองว่าเป็นอะไรใหม่ ๆ ซึ่งคนบันเทิงหลายคนก็ตั้งชื่อบริษัทได้ครีเอตกันเยอะเช่นกัน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน