9 ทันโลก : “โดรน” เขี้ยวเล็บไทยในการรบสมัยใหม่
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 5 สิงหาคม 2568 เวลา 4.08 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมท4 ส.ค. – ในความขัดแย้งกับกัมพูชา เราได้เห็นบทบาทของโดรนทางการทหารเป็นครั้งแรก รายงาน 9 ทันโลก วันนี้ พาไปรู้จักกับโดรนในฐานะตัวเปลี่ยนโฉมการรบยุคใหม่
เมื่อไทยเราถูกผลักให้เข้าสู่การสู้รบ สิ่งหนึ่งที่เป็นผลพวงตามมาคือ การเปิดใช้ยุทธวิธีรบแบบใหม่ด้วยอากาศยานไร้คนขับ หรือที่เรียกว่าโดรน ซึ่งมีบทบาทสูงมากในความขัดแย้งทั่วโลก และชี้ถึงความจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาให้เท่าทันการรบยุคใหม่
“โดรนโจมตี” ลำนี้กำลังเข้าสู่เป้าหมายในเมืองเพนซาของรัสเซีย ส่วนหนึ่งของสงครามโดรนที่ดุเดือดที่สุดบนโลก
จากกำเนิดของโดรนที่คิดค้นมากว่าร้อยปีแล้ว ถูกพัฒนามาใช้ประโยชน์ด้านการทหารเริ่มจากใช้เป็นเป้าฝึกทางการทหารช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาจึงประยุกต์ใช้ร่วมกับเครื่องยนต์ไอพ่น เติมเทคโนโลยีเข้าไปไม่หยุดนิ่ง ปัจจุบันโดรนจึงมีบทบาทสูงในการรบยุคใหม่ ด้วยจุดเด่นที่มีขนาดเล็ก เงียบ ยากต่อการตรวจการณ์ เป็นเหมือนอากาศยานรบจู่โจมขนาดเล็กกว่า ใช้การควบคุมจากระยะไกลด้วยรีโมต จึงลงความเสี่ยงต่อกำลังพล สามารถติดตั้งอุปกรณ์และอาวุธได้หลากหลาย
ในการรบอาจแบ่งลักษณะของโดรนเป็นสองประเภทกว้างๆ คือ 1.โดรนลาดตระเวนที่ใช้สอดแนม เฝ้าตรวจสนามรบ เพื่อสนับสนุนข่าวกรองการรบ เป็นสายตาในอากาศที่ช่วยให้การรบแม่นยำ และ 2.โดรนสำหรับการโจมตี เป็นอาวุธที่ถูกนำมาใช้ควบคู่กับปืนใหญ่ประเภทต่างๆ เพื่อยิงทำลายศัตรู
เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและทำให้โลกเห็นถึงศักยภาพของโดรนคือ เหตุการณ์เมื่อปี 2563 ที่สหรัฐโดยคำสั่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีในเวลานั้น ได้ลอบสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ผู้ทรงอิทธิพลของอิหร่าน ใช้โดรนสังหาร “MQ-9 Reaper” เพียง 1 ลำ เข้าไปปฏิบัติการในดินแดนอิรัก
ปัจจุบัน MQ-9 Reaper ยังได้ชื่อว่าเป็นโดรนที่มีอานุภาพสูงสุด ตั้งแต่ประจำการครั้งแรกเมื่อราว 25 ปีก่อน จนพัฒนาให้ทำงานที่หลากหลาย แข็งแกร่งทนทาน การบรรทุกอาวุธ บินได้ยาวนาน 27 ชั่วโมง บรรทุกอาวุธได้ 1,700 กิโลกรัม ระบบเรดาร์ SAR กล้องอินฟราเรด คลำเป้าด้วยเลเซอร์ ด้วยราคา 30-40 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อลำ ปัจจุบันจึงมีใช้อย่างจำกัด สหรัฐส่งออกไปให้ 10 ประเทศ ประจำการในกองทัพ
สำหรับค่ายจีนซึ่งมีรายงานว่า มีโดรนทหารตัวท็อปคือ Wingloong II เป็นตัวเลือกเทียบชั้น MQ-9 ในราคาที่ย่อมเยาว์กว่ามาก 1 ล้าน-5 ล้านดอลลาร์ต่อลำ เปิดตัวมาได้ราว 10 ปี ใช้งานได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่ข่าวกรองไปจนถึงโจมตี บรรทุกอาวุธได้หนัก 480 กิโลกรัม ระยะเวลาในการบินนานถึง 32 ชั่วโมง หลายชาติมีโดรนรุ่นนี้ ประจำการโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง
นอกจากนั้นแล้วยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นผู้นำในการผลิตโดรน คือ ตุรกี อิหร่าน อิสราเอล และคู่สงครามในเวลานี้คือ รัสเซียกับยูเครน โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโดรนมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพื่อใช้ในการรบ รวมไปถึงโดรนใต้น้ำ ติดหัวรบนิวเคลียร์ ชื่อว่า “โพไซดอน”
สำหรับยูเครนคู่ต่อสู้นั้น กลายเป็นกรณีศึกษาของทั่วโลก จากที่ถูกรัสเซียรุกรานจึงพัฒนาโดรนมาเป็นอาวุธต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า ในช่วงแรกของสงครามที่ยูเครนต้องพึ่งโดรนนำเข้า ต่อหันมาเริ่มดัดแปลงและผลิตเองนำไปสู่การปฏิวัติวงการ
เมื่อราว 2 เดือนก่อน ยูเครนได้โจมตีด้วยโดรน ที่ชื่อปฏิบัติการ “ใยแมงมุม” ในหลายจุด รวมถึงทำลายฝูงบินรัสเซีย ถึงในเขตไซบีเรีย ห่างจากสมรภูมิหลักในยูเครนถึงกว่า 4,000 กิโลเมตร เกิดจากการวางแผนยาวนาน ผสมผสานยุทธวิธีสงครามอีเล็อทรอนิกส์
สำหรับประเทศไทย เหตุการณ์นี้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 1 วันหลังจากที่กัมพูชาเปิดฉากโจมตีไทย กองทัพบกได้เผยภาพสู่สายตาชาวโลก การใช้โดรนในการรบเป็นครั้งแรก โจมตีเป้าหมายบริเวณแนวรบภูมะเขือ
อันที่จริงไทยมีการนำโดรนมาใช้ในการทหารครั้งแรกตั้งแต่ปี 2531 ในสมรภูมิร่มเกล้า แต่เป็นการใช้งานแบบจำกัด ต่อมาได้เริ่มเกิดโครงการวิจัยและพัฒนาขึ้น โดยแต่ละเหล่าทัพประสานงานร่วมมือกับองค์กรและเอกชน สำหรับภารกิจด้านต่างๆ
เมื่อไทยเราต้องถูกผลักให้เข้าสู้การสู้รบ ทำให้การพัฒนาการของโดรนในการสู้รบรูปแบบใหม่บนดินแดนไทย นอกเหนือจากนั้นแล้ว ยังทำให้เห็นแนวรบต่างๆ อีกมากที่ต้องปรับตัวให้เท่าทัน.-สำนักข่าวไทย