ก.ต.เคาะโยกย้าย 79 ผู้พิพากษา ‘จีระพัฒน์’ นั่งอธ.ศาลอาญา
นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ครั้งที่ 19 /2568
โดยมีวาระสำคัญคือที่ประชุม ก.ต.เห็นชอบบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตุลาการ ในวาระโยกย้ายแต่งตั้งบัญชี 3 ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่งจำนวน 79 บัญชีรายชื่อ
มีรายชื่อผู้พิพากษาชื่อดังที่น่าสนใจเเละดำรงตำเเหน่งสำคัญ อาทิ
-นายจีระพัฒน์ พันธุ์ทวี ผู้พิพากษาศาลฎีกาไปดำรงตำเเหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
-นายธนรัตน์ ทั่งทอง อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ไปดำรงตำเเหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง
-นายธานี สิงหนาท อธิบดีผู้พิพากษาศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ ไปดำรงตำเเหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเเพ่ง ง
-นายสายโชค ศรีทอง ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาไปดำรงตำเเหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้
-น.ส.อินทิรา ฉิวรัมย์ รองประธานศาลอุทธรณ์ไปดำรงตำเเหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลเเรงงานกลาง
-นายเอื้อน ขุนเเก้ว รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค1 ไปดำรงตำเเหน่ง ผู้พิพากษาศาลฎีกา
-นายเจริญวิทย์ เกื้อทิพย์ ประธานเเผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ ไปดำรงตำเเหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค2
สพหรับผู้พิพากษาที่ได้รับการขยับตำเเหน่งที่น่าสนใจเช่น นายจีระพัฒน์ พันธุ์ทวี ว่าที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคนใหม่ เคยเป็นเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมสมัยนางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม เป็นประธานศาลฎีกา มีผลงานช่วยขับเคลื่อนนโยบายประธานศาลฎีกาในการช่วยเหลือประชาชนในส่วนคดีที่ถูกฉ้อโกงและยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมถึงการบริโภควิถีใหม่
โดยการตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย จากการซื้อขายสินค้าบริการทางออนไลน์ ซึ่งประชาชนสามารถยื่นฟ้องได้ด้วยตนเองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านระบบ e-Filing ได้รับความไว้วางใจให้ไปนั่งบริหารศาลอาญาซึ่งเป็นศาลหลักและเป็นศาลใหญ่ที่สุดของประเทศ
เขตอำนาจครอบคลุมคดีอาญาที่มีอัตราโทษเกิน 3 ปี ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร 16 เขต รวมถึงคดีในกองปราบที่มีอำนาจจับกุมได้ทั่วประเทศ และศาลอาญามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวงแต่คดีที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลอาญา ที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาก็ได้ ซึ่งคดีดังและคดีอุกฉกรรจ์หลายคดีในต่างจังหวัดก็มีการโอนมาพิจารณาที่ศาลอาญาหลายคดี
นอกจากนี้ ศาลอาญา มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่ความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทยด้วย เคยผ่านงานบริหารมีประสบการณ์มาก เเละมีความเหมาะสม ทั้งเรื่องคิวอาวุโส ความรู้ ประกอบกับบุคลิคเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่มีความเมตตา เเละมีความยุติธรรม จึงเชื่อว่าจะมีการพัฒนาระบบคดีของศาลอาญาซึ่งเป็นศาลหลักของประเทศในการอำนวยความยุติธรรมต่อประชาชนต่อยอดไปได้ดียิ่งขึ้น
นายธนรัตน์ ทั่งทอง ว่าที่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และคดีที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจเช่น
-คดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามป.อาญา ความผิดทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น หรือความผิดอื่นอันเนื่องมาจากการประพฤติมิชอบ
- คดีอาญาที่ฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำความผิดฐานฟอกเงิน กฎหมายว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กฎหมายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือกฎหมายอื่นในการป้องกันปราบปรามการทุจริตฯ
-คดีเรียก รับ ทรัพย์หรือประโยชน์ ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้อิทธิพล จูงใจหรือข่มขืนใจ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ หรือไม่กระทำการ ตามกฎหมายอาญา
-คดีฟ้องลงโทษบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
-คดีเกี่ยวกับการจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ อันเป็นเท็จ
นายธนรัตน์ ถือเป็นผู้พิพากษาที่มีคะเเนนนิยมในหมู่ศาล เคยได้รับเลือกเป็น ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยล่าสุดยังได้รับเลือกเป็น กบศ.อีกด้วย
นายธานี สิงหนาท ว่าที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลเเพ่ง ซึ่งเป็นศาลหลักในคดีเเพ่งมีความสำคัญมากเช่นเดียวกับศาลอาญา เนื่องจากมีเขตอำนาจพิเศษที่สามารถรับคดีได้ทั่วราชอาณาจักรต่างจากศาลเเพ่งในเขตอื่นๆ หรืออย่างเช่น ที่มีการตั้งเเผนกคดีซื้อขายออนไลน์ก็สามารถพิจารณารับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลเเขวงได้ด้วย เเละมีอำนาจพิจารณาทำคดีฟอกเงิน
ตัวนายธานีเองก็เคยได้รับความไว้วางใจให้นั่งตำเเหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมซึ่งก็มีฝีมือการบริหารบุคลิกก็เป็นคนใจเย็นมีเมตตา เป็นผู้พิพากษานักวิชาการมีลูกศิษย์ในวงการกฎหมายให้ความเคารพนับถือ แต่งตำรากฎหมายขายดีมีคุณภาพหลายเล่ม
เมื่อเคยผ่านการนั่งงอธิบดีผู้พิพากษาศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ซึ่งมีอำนาจศาลครอบคลุมพื้นที่ 7 เขตในกรุงเทพฯซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญมาเเล้วเชื่อว่าน่าจะนำประสบการณ์มาใช้พัฒนาในศาลเเพ่งหลักนี้ได้
น.ส.อินทิรา ฉิวรัมย์ ว่าที่อธิบดีศาลเเรงงานกลาง ซึ่งเป็นศาลหลักในคดีเเรงงานของประเทศ ซึ่งตำเเหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเเรงงานกลางจะระนาบเดียวกับระดับผู้พิพากษาศาลฎีกา
มีอำนาจพิจารณาคดีเเรงงานในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเเละเมืองเศรษฐกิจอันดับ1 ของประเทศ ซึ่งจะมีคดีเเรงงานมากกว่าในศาลเเรงงานตามภาคต่างๆซึ่งมีทั้งหมด 9 ภาค รวมถึงบุคลากรที่อยู่ภายใต้สายบังคับบัญชาศาลเเรงงานกลางก็จะมีจำนวนบุคลากรมากกว่าศาลเเรงงานภาค
น.ส.อินทิรา เป็นที่รู้จักในงานบรรยายสายวิชาการ เป็นอาจารย์นักกฎหมายที่มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในสายคดีเเรงงานมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สมัยเป็นอธิบดีศาลเเรงงานภาค1 ก็มีผลงานโครงการต่างๆในการอำนวยความยุติธรรม
นอกจากนี้ยังเดินสายลงพื้นที่จัดกิจกรรมอมรมเพิ่มศักยภาพบุคลากรของศาลแรงงานในการบริการประชาชน เป็นเจ้าภาพประชุมสัมมนาผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานทั่วประเทศ ครั้งที่ 9 เปิดมหกรรมไกล่เกลี่ยทั่วไทยยุติข้อพิพาทแรงงาน สู่กระบวนการยุติธรรมทางเลือก จัดศาลเเรงงานเคลื่อนที่อำนวยความยุติธรรมประชาชน เเละมีประสบการณ์มานั่งเป็นผู้บริหารในตำเเหน่งรองประธานศาลอุทธรณ์ ผ่านหลักสูตรระดับสูง ทั้ง วปอ.55 และ บยส.24 เเละ ปปร.28
ยังมีผลงานริเริ่มจัดหาที่ดินเพื่อจะสร้างศาลเเรงงานภาค 10 (จังหวัดสมุทรปราการ) เเละที่ตั้งของศาลเเรงงานภาค 1 เเห่งใหม่ (ในจังหวัดพระนครศรีอยุทธยา) ซึ่งทั้ง 2 เเห่งดังกล่าวจะมีการดำเนินการสร้างในอนาคตต่อไป จึงถือเป็นผู้พิพากษาหญิงเเกร่งที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เเละมากด้วยประสบการณ์ นอกจากนี้ยังมีการวางตัวที่ดีเเละมีประวัติใสสะอาด เป็นที่ยอมรับทั่วไป
ที่มา : เนชั่น