สภา กทม. ผ่านงบประมาณปี 2569 วาระ1 กว่า 92,000 ล้านบาท ส่งต่อคณะกรรมการวิสามัญพิจารณางบประมาณฯ พิจารณารายหน่วยงาน
วานนี้ (4 สิงหาคม) ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) การประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบในวาระที่ 1 ของร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 มูลค่ากว่า 92,000 ล้านบาท โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งต่อให้คณะกรรมการวิสามัญฯ จำนวน 45 คน พิจารณาในรายละเอียดต่อไป
ตลอดการอภิปรายเป็นวันที่สาม สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ได้มีการตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในหลายประเด็นสำคัญ ดังนี้
สุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก. เขตจอมทอง ได้ตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณ 830 ล้านบาทสำหรับหน่วยงานด้านการพาณิชย์ของ กทม. โดยเฉพาะ สำนักงานตลาด ซึ่งดูแลตลาด 18 แห่ง แต่หลายแห่งยังคงขาดทุน อาทิ ตลาดบางแคภิรมย์ และตลาดเมืองมีน
นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย ก็มีโครงการเพียง 2 แห่งสำหรับข้าราชการและลูกจ้าง กทม. และยังขาดทุนเกือบ 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะในอนาคต โดยเสนอว่าหากมีการว่าจ้างมืออาชีพหรือเอกชนเข้ามาบริหารจัดการ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรายได้ได้ดีขึ้น
ทางด้าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่าการบริหารตลาดไม่ได้มุ่งเน้นกำไร แต่ต้องการให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถประกอบอาชีพได้ ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงและจะมีการโอนย้ายจากสำนักพัฒนาสังคมเพื่อเพิ่มจำนวนที่พักให้มากขึ้นในอนาคต
จิรเสกข์ วัฒนมงคล ส.ก. เขตธนบุรี ได้ตั้งคำถามถึงงบประมาณ 24.7 ล้านบาทสำหรับการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำสะพายหลัง ซึ่งเคยถูกตัดไปเมื่อปีที่แล้ว โดยเห็นว่าการใช้โดรนดับเพลิงจะคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากสามารถใช้บรรทุกสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ด้วย
ทางด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่าเครื่องสูบน้ำสะพายหลังยังคงจำเป็นสำหรับการเข้าถึงพื้นที่แคบและอาคารสูง ขณะที่โดรนยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึง ชัชชาติกล่าวเสริมว่า กทม. มีโดรนสำหรับกู้ภัยอยู่แล้วและได้ส่งไปช่วยเหลือที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้วย
ส่วนในด้านการจราจร พีรพล กนกวลัย ส.ก. เขตพญาไท มองว่างบประมาณยังไม่ได้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง แต่มุ่งเน้นไปที่การติดตั้งป้ายและกล้องวงจรปิด
ด้านวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่ามีการแก้ปัญหาจราจรผ่านการปรับสัญญาณไฟและพัฒนาเส้นทางลัด
นภาพล จีระกุล ส.ก. เขตบางกอกน้อย ตั้งข้อสังเกตว่างบประมาณสำหรับควบคุมโรคไข้เลือดออกและวัสดุอุปกรณ์กำจัดยุงลายยังมีประสิทธิภาพน้อยและน้อยเกินไป ขณะที่ณรงค์ศักดิ์ ม่วงศิริ ส.ก. เขตบางบอน ได้ชี้ถึงปัญหาน้ำในพื้นที่ฝั่งธนบุรีใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีจากจังหวัดสมุทรสาครแต่ยังไม่มีโรงบำบัดน้ำเสีย
ด้าน รศ.ทวิดา ชี้แจงว่า กทม. กำลังลดการใช้สารเคมีและจะจัดส่งข้อมูลการทำหมันและสำรวจหมาแมวที่ทำอย่างเป็นระบบให้พิจารณาในภายหลัง
สุดท้าย สภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบในวาระแรกและตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณางบประมาณฯ จำนวน 45 คน โดยมีกำหนดแปรญัตติภายใน 15 วันทำการ และพิจารณาร่างข้อบัญญัติทั้งหมดภายใน 45 วัน