‘เอส กันตพงศ์’ เปิดใจครั้งแรกหลังยุติสถานะสามีภรรยา ยันทำทุกอย่างเพื่อลูกเป็นหลัก!
กลายเป็นเรื่องราวที่ทำเอาหลายคนช็อกไปตามๆ กัน สำหรับความสัมพันธ์ของนักแสดงหนุ่มมากฝีมือ "เอส กันตพงศ์" กับภรรยาสาว "คิตตี้ คริสติน่า" ซึ่งก่อนหน้านี้ด้านสาวคิตตี้ ออกมาประกาศยุติความสัมพันธ์สามีภรรยากันแล้ว พร้อมบอกว่า มีการหย่ากันได้สักระยะแล้ว ทำเอาหลายคนช็อกและพากันให้กำลังใจทั้งคู่มากมาย ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด หนุ่มเอส ได้มาร่วมงานวิ่งการกุศล"ก้าวด้วยธรรม" ครั้งที่ 9 ประจำปี 2568 พร้อมทั้งเปิดใจถึงประเด็นดังกล่าวครั้งแรก โดย หนุ่มเอส เผยว่า
“ยอมรับว่าผมไม่ได้พูดมานาน เพราะพูดออกไปทั้งหมดลูกโตมาก็จะเห็น ผมประคับประคองทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้ สิ่งที่เขาต้องการผมไม่มีสิทธิที่จะไปขวางความต้องการของคนอื่น ผมต้องเคารพการตัดสินใจของเขา และอาการป่วยของผมที่หลายคนสงสัยรู้มาแล้วว่ามีอะไรบ้าง ผมเป็นโรคไมเกรนตั้งแต่เด็ก Hyperventilation Syndrome แล้วก็หายไปแล้ว ผมไม่เคยไปรีเสิร์ชดูว่าโรคนี้มันทำให้หัวใจวายได้ ถ้ามันถึงความเครียดขั้นสุด มานั่งคิดย้อนดูตอนนี้ความจำกลับมาสักเดือนสองเดือน ตอนแรกจำได้ไม่หมดทุกเรื่องแต่ตอนนี้มันทยอยกลับมา สิ่งที่กลับมาผมยังคิดว่าฝันไปเองหรือเปล่า ผมก็ถามว่าคนที่รู้จักเขาจะรู้เพราะผมระบายความรู้สึกกับเขา"
"ส่วนการพูดคุยกับอดีตภรรยาไหม คือผมพยายามทำหน้าที่ของผมดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ผมทำหน้าที่คุณพ่อดีกว่าให้ดีที่สุด โดยแบ่งหน้าที่กัน ทำหน้าที่คุณพ่อคุณแม่ครับ ตอนนี้ตัวเขายังอยู่ไทย ถามว่าอยู่แยกบ้านกันใช่ไหม อันนี้เป็นสิ่งที่ผมยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมอยากให้เขาบอกดีกว่า ตอนนี้ก็พยายามติดต่อ เขาอยู่ตรงไหนผมอยากทราบ ส่วนตอนนี้ลูกก็ไปๆ มาๆ ครับ ถามว่าตอนนี้เราเป็นไงบ้างดีขึ้นไหม เพิ่งมาคิดว่าโรคที่เราคิดว่ามันหายมันอาจจะมีขั้นลึกที่เราไม่รู้ หรือพยายามหากิจกรรมที่ไม่ต้องคิดเยอะเกินไป กลัวว่าเดี๋ยวจะไปกระตุ้น เพราะเครื่องกระตุ้นหัวใจผมเพิ่งทำงานไป ผมเพิ่งมานั่งย้อนแต่ป่วย เหตุการณ์ที่ทำให้เครื่องทำงานเป็นเหตุการณ์จากสถานการณ์เดียวกัน แต่คนละวัน หมายถึงประโยคที่หูได้ฟังตอนนั้นมันคือประโยคจากบุคคลเดียวกันพูด"
เอส เผยต่อว่า "ก็อยากจะบอกกับคนที่คอยขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ ขอบคุณมากครับ ที่ทุกคนให้กำลังใจผม เรื่องนี้มีทั้งคนเข้าใจและไม่เข้าใจ มีหลายเรื่องที่ผมไม่ต้องพูดดีกว่า พูดไปต่อให้ผมได้ประโยชน์แต่คนอื่นเสียประโยชน์ไม่รู้จะพูดทำไม เพราะผมคำนึงถึงความรู้สึกของลูกเป็นหลัก ถ้าคุณอยากจะเข้าข้างผมหรือเข้าข้างคนอื่นว่าผมและคนอื่นไม่โกรธเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ผมทำทุกอย่างเพื่อลูกเท่านั้นเอง ต้องขอบคุณทุกคนกำลังใจนะครับ”
ขอบคุณภาพจาก: s_kantapong