โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ดูดวง

คึกฤทธิ์ชีวิตไทย (30)

สยามรัฐ

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทวี สุรฤทธิกุล

บ้านไทยอยู่ไม่ยากถ้า “อยู่เป็น” และยิ่งจะ “อยู่เย็น” ถ้าปรับตัวไปตามกาลสมัย

ใน พ.ศ. 2534 ปีที่ท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มีอายุ 80 ปี บรรดาศิษยานุศิษย์และคนที่เคารพรักของท่าน ได้ร่วมกันจัดทำหนังสือที่ระลึกขึ้นเล่มหนึ่ง ชื่อหนังสือ “คึกฤทธิ์ 80” มีพระนิพนธ์และข้อเขียนของบุคคลต่าง ๆ มากมาย ซึ่งผู้เขียนในฐานะ “เด็กสวนพลู” เพราะเคยทำหน้าที่คอยรับใช้ใกล้ชิดอยู่ในบ้านไทยของท่านที่ซอยสวนพลู เหมือนเป็น “เด็กวัด” มาระยะหนึ่ง ก็ได้รับเกียรติให้เป็นผู้เขียนบทความชิ้นหนึ่งร่วมลงพิมพ์ด้วย โดยผู้เขียนใช้ชื่อบทความว่า “ใต้ถุนบ้านซอยสวนพลู” และขึ้นต้นบทความไว้ว่า

“ใครจะคิดว่าใต้ถุนบ้านทรงไทยเก่าแก่หลังนี้ จะมีเรื่องหลากหลายเกิดขึ้น และสร้างตำนานเล่าขานที่เป็นประวัติศาสตร์ของเมืองไทยมากมาย อะไรคือสิ่งเร้นลับที่ซ่อนอยู่และส่งอิทธิพลให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ผีบ้านผีเรือนที่อยู่คู่มากับบ้านหลังนี้ หรือเจ้าที่เจ้าทางก็อาจเป็นไปได้ หรือว่าเพราะตัวเจ้าของบ้านหลังนี้เท่านั้น” จากนั้นก็ได้พรรณนาสิ่งต่าง ๆ เฉพาะที่ผู้เขียนได้พบได้เห็นภายในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่ที่ได้มาทำงานเป็นเลขานุการของท่าน ใน พ.ศ. 2520 และได้มากินนอนอยู่ในบ้านหลังนี้จนถึง พ.ศ. 2532 เมื่อได้แต่งงานมีครอบครัว จึงได้ย้ายออกมาอยู่กับครอบครัวข้างนอก สุดท้ายของบทความนี้ผู้เขียนสรุปไว้ว่า

“เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นเพียงปุถุชน ที่มีความเป็นธรรมดาไม่ต่างไปจากใคร ไม่อาจจะปฏิเสธต่ออนัตตา หรืออยู่เหนือธรรมชาติได้แต่อย่างใด และบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เนรมิตขึ้นโดยพระวิษณุเทพ แต่สร้างขึ้นจากวัสดุที่หาได้บนแผ่นดินและด้วยแรงงานของชาวบ้านเท่านั้น หากจะถามผู้เขียนว่า แล้วความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใต้ถุนบ้านสวนพลูนั้นเล่า ทำไมจึงต้องเป็นไปเช่นนั้น จะด้วยอิทธิบันดาลจากแหล่งอานุภาพใดจะได้หรือไม่ นอกจากท่านอาจารย์คึกฤทธิ์แล้ว คงจะไม่มีใครที่จะตอบคำถามข้อนี้ได้ เพราะทุกคนก็เป็นเพียง - เด็กสวนพลู - ที่วิ่งเล่นไปมาอยู่ใต้ถุนบ้านซอยสวนพลูนี้เท่านั้น”

ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ได้สร้างบ้านไทยในซอยสวนพลูหลังนี้ ในราว พ.ศ. 2494 เมื่อสร้างเสร็จแล้วท่านก็ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ในทันที เพราะสร้างเสร็จก็แต่ตัวบ้านชั้นบน ข้างล่างยังเป็นลานดินแบบบ้านไทยดั้งเดิมทั่วไป ท่านจึงให้ทำเป็นลานซีเมนต์แล้วปูกระเบื้องดินเผาแผ่ออกไปจนเต็มใต้ถุน กั้นฝาบริเวณที่อยู่ใต้เรือนนอนและเรือนนั่งข้างบนเป็นห้องขึ้นมา เพื่อใช้ห้องใต้เรือนนอนที่อยู่ติดถนนทางเข้าบ้านทำเป็นห้องรับแขก และห้องที่อยู่ใต้เรือนนั่งที่ติดรั้วบ้านของคนอื่นทำเป็นห้องครัว ชีวิตจึงดู “เพียบพร้อม” ขึ้น ตอนนั้นเครื่องปรับอากาศคงมีใช้กันในโรงแรมและออฟฟิศหรู ๆ รวมถึงบ้านคนที่มีฐานะโดยทั่วไปกันอยู่แล้ว ท่านจึงให้ติดเครื่องปรับอากาศที่ห้องนอนชั้นบนและห้องรับแขกชั้นล่างนั้นเสียเลย สำหรับเฟอร์นิเจอร์ แรก ๆ ท่านก็พยายามจะใช้เครื่องเรือนแบบไทยเดิม แต่ก็หาได้ไม่ครบ ถ้าจะหาซื้อเพิ่มก็มีราคาแพง ท่านจึงนำของหลาย ๆ ชาติมาผสมกัน ส่วนหนึ่งคือเครื่องไม้ของจีน กับอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเครื่องไม้ของฝรั่ง ซึ่งท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บอกว่า เครื่องเรือนไทยนั้นเข้าได้กับเครื่องเรือนไม้ของทุกชาติ เพราะเรือนไทยเน้นการอยู่กับธรรมชาติ คนไทยจึงนำไม้ทำเครื่องเรือนในทุกรูปแบบ เช่นเดียวกันกับหลาย ๆ ชาติที่นิยมอยู่กับธรรมชาติ ก็จะนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เช่นเดียวกัน

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์พูดเสมอ ๆ ว่า “ชีวิตไทย” จะขาดธรรมชาติไม่ได้ ที่เป็นหลัก ๆ ก็คือ “ลำน้ำ สวน ต้นไม้ ดอกไม้ ท้องนา และป่าเขา” เริ่มต้นต้องอยู่ใกล้น้ำ หรือในบ้านต้องมีน้ำ เช่น บ่อน้ำ หรือสวนที่มีโอ่งอ่างเลี้ยงพืชน้ำต่าง ๆ เช่น บัว จนกระทั่งกระจับ จอกและแหน จากนั้นก็ต้องมีต้นไม้ดอกไม้ ทั้งที่กินได้ กินไม่ได้ หรือไม้ประดับตกแต่งต่าง ๆ ซึ่งท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บอกว่า คนไทยถ้าไม่ได้เห็นสีเขียว ๆ จะรู้สึกไม่สบาย อย่างเช่นชาวนาไทยนั้น ความจริงไม่อยากจะเป็นกระดูกสันหลังของชาติอย่างที่ท่านผู้นำในสมัยหนึ่งคิดคำขึ้นมายกย่อง ที่จะต้องก้มหน้าทำนามาตั้งแต่บรรพบุรุษนั้นหรอก แต่ทุกปีที่ชาวนาได้ปลูกข้าว ตื่นเช้ามาได้เห็นสีเขียวเต็มทุ่ง ค่อยเติบโตแตกกอก่อรวงจนสุกเหลือเป็นทุ่งรวงทองไปเต็มนา นั่นแหละคือความสุขของชาวนาและคนไทยทั้งปวง บางทีคนไทยก็ย่อความเขียวมาอยู่ในบ้าน เป็นต้นว่า การเลี้ยงไม้กระถาง การทำไม้ดัด (ท่านว่าบอนไซแบบญี่ปุ่นนั้นมาทีหลัง แต่คนไทยก็ “เล่นไม้” ในแบบต่าง ๆ มานานแล้ว) ตลอดจนเลี้ยงนก หรือเอาสัตว์เลี้ยงมาไว้ที่ใต้ถุนบ้าน ท่านว่าคนไทยก็รู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้ป่าเขาลำเนาไพรนั้นด้วย อันเป็นความสุขที่คนไทยหาได้แต่เดิมเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในความเป็นธรรมชาติจริง ๆ

ด้วยเหตุนี้ ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์จึงค่อย ๆ แต่งเติมความเป็นไทยต่าง ๆ เข้าในบ้านไทยของท่าน นั่นคือการสร้าง “ความเขียว - ความร่มเย็น” ขึ้นทั่วบริเวณ เริ่มต้นนั้นท่านก็เน้นไม้ใหญ่ขึ้นในบริเวณต่าง ๆ แต่พอมันโตขึ้นมันก็รกครึ้มดูอึดอัด จึงจัดบางส่วนที่หลังบ้านเป็นสนามหญ้าให้ดูโล่งกว้างแบบบ้านฝรั่ง กับบางส่วนที่หน้าบ้านก็ทำเป็น “สวนพิธีการ” ที่ฝรั่งเรียกว่า “Formal Garden” คือมีรูปแบบของสวนเป็นลวดลายเรขาคณิต จัดแบ่งพื้นที่น้ำและไม้ประดับอย่างเป็นจังหวะ แต่ท่านก็เอาไม้กระถางและไม้ดัดไทยไปจัดวางในจุดต่าง ๆ นั้น ส่วนตรงกลางก็ทำเป็นบ่อบัวกับกระจับ เพิ่มความเขียวขึ้นรายรอบบ้าน รวมถึงที่บนนอกชานข้างบนบ้านที่เชื่อมตัวเรือนหลักทั้งสามหลังเข้าด้วยกัน ท่านก็ให้ช่างทำแนวระเบียงมีชั้นวางเป็นไม้ระแนงเพื่อวางไม้กระถางและไม้ดัดนั้นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งท่านบอกว่าอยากจะให้เป็นเหมือน “โจนลงกลางชานร้านดอกไม้ ของขุนช้างปลูกไว้อย่างดาษดื่นฯ” อย่างกลอนในเรื่องขุนช้างขุนแผนที่ท่านท่องกลอนบทนี้ได้อย่างฝังใจนั้น

บ้านไทยหลังนี้เคยมีปัญหาด้านโครงสร้างของตัวบ้านจนต้องปรับปรุงครั้งใหญ่มาครั้งหนึ่ง คือเมื่อ พ.ศ. 2505 ที่ท่านได้แสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง “อักลี่อเมริกัน” ที่ท่านร่วมแสดงบทนำร่วมกับนายมาลอน แบรนโด มีนายจอร์จ อิงลันด์ เป็นผู้กำกับ ระหว่างถ่ายทำนายอิงลันด์อยากไปเยี่ยมบ้านไทยของท่านในซอยสวนพลู แต่บ้านไทยนี้ก็สร้างในสัดส่วนของไทยดั้งเดิม คือใต้ถุนนั้นสูงแค่พอดีศีรษะคนไทย ดังนั้นด้วยเวลาที่เร่งด่วน ท่านก็ให้คนขุดบางส่วนของเรือนไทยให้เป็นหลุมลึกลงไปพอประมาณ เพื่อวางชุดเก้าอี้รับแขกกับโต๊ะรับประทานอาหาร ไม่ให้ฝรั่งเดินหัวชนคานใต้ถุนบ้าน เมื่อเสร็จงานรับรองนายอิงลันด์แล้ว ท่านจึงให้ช่างมา “ยกเรือน” คือทำให้บ้านไทยของท่านสูงขึ้นทั้งหลัง ประมาณว่าน่าจะพอพ้นศีรษะฝรั่ง ก่อนที่จะซ่อมพื้นและปูกระเบื้องพื้นเสียใหม่ และในเวลาต่อมาไม่นานนัก นายแบรนโดก็ขอมาเยี่ยมบ้านท่าน ซึ่งท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ก็ได้จัดงานเลี้ยงตอนรับอย่างอลังการ์ มีรำไทยและการแสดงต่าง ๆ ของไทยให้นายแบรนโดชมที่สนามหญ้าหลังบ้าน อีกทั้งในตอนที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์นำนายแบรนโดเดินชมบ้านไปทั่วบริเวณต่าง ๆ นอกจากคำชมที่นายแบรนโดบอกกับท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ถึงความสวยงามน่าอยู่ของบ้านไทยหลังนี้อยู่ตลอดเวลาแล้ว แกก็ยังบอกว่าบางส่วนก็ดูคุ้นเคยเหมือนอยู่บ้านของแกที่อเมริกา ซึ่งก็คงเป็นเพราะที่บ้านไทยของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์นี้มีการตกแต่งและใช้เฟอร์นิเจอร์บางส่วนที่เป็นของฝรั่งด้วยนั่นเอง

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เองก็โล่งอก เพราะศีรษะของนายแบรนโดไม่ได้รับภัยอันตรายใด ๆ ที่เกิดจากใต้ถุนของบ้านไทยหลังนี้ในครั้งนั้นแต่อย่างใดเลย

ดูข่าวต้นฉบับ

ดูดวงออนไลน์ กับ LINE ดูดวง

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ชาวกัมพูชาหลายพันคนหอบลูกจูงหลาน ขนสัมภาระ มารอข้ามแดน ที่ด่านบ้านคลองลึก

27 นาทีที่แล้ว

"สนง.พาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี" จัดกิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า (Business Matching) ภายใต้ชื่องาน “Green Local Market ตลาดสินค้าเกษตรดี วิถีชุมชน”

30 นาทีที่แล้ว

สดุดี “พลทหาร” สังกัด “กองพันทหารราบที่ 2” พลีชีพ ร่วมปกป้องอธิปไตยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

32 นาทีที่แล้ว

ตำรวจเชียงแสน ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า 274 ชิ้น ส่งพัสดุขนส่งเอกชนบริษัทหนึ่ง พบพิรุธแจ้งตำรวจตรวจสอบ

34 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความดูดวงอื่น ๆ

คนที่เกิดวันนี้ มีโอกาสประสบความสำเร็จด้านชื่อเสียง โดย หมอแก้ว นพเก้า

แก้ว นพเก้า

ดวงรายวันประจำวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 โดย อ.อาวุธจับยามสามตา – ผู้ก่อตั้งดวงLive

ดวง Live

เปิดพิกัดแหล่งโชคลาภ12 ราศี เสริมดวงให้เฮง รับทรัพย์รับโชค BY Horoworld

Horoworld

วิธีเก็บเงิน ฉบับคนวัยทำงาน

สยามรัฐวาไรตี้

คฑา ชินบัญชร เผย 3 ราศีเฮงยืนหนึ่ง ชะตาฟ้าเปิด มีรายได้เพิ่ม คู่ครองพารวย ผู้ใหญ่ส่งเสริม

Khaosod

เลขดี เลขมงคล ประจำวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 วันภูมิปาโลฤกษ์ ฤกษ์แห่งการวางรากฐาน การวางแผนหรือจัดระบบ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

Horoworld

หมอดูโอปป้า เปิด 12 ราศี ดาวย้าย ราศีใดเด่นเรื่องเงิน ราศีใดเด่นเรื่องโชค

News In Thailand

โหรดังชี้ชัด ราศีพ้นเคราะห์ เงินเข้ารัวๆ รับทรัพย์แบบจัดเต็ม

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...