ททท. ไม่มั่นใจปี 68 จะเดินหน้าถึงเป้าท่องเที่ยว หลังติดลบอยู่ที่ 5%
ททท. ไม่มั่นใจปี 68 จะเดินหน้าถึงเป้าท่องเที่ยว หลังนักท่องเที่ยวสะสมติดลบอยู่ที่ 5% เร่งแก้โจทย์ใหญ่ ตลาดระยะไกล ใช้จ่ายสูงเที่ยวไทย
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวถือเป็นความหวังหนึ่ง ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ช่วงหลังที่ผ่านมา การท่องเที่ยวอาจมีความอ่อนไหวมากพอสมควร ทั้งเรื่องโรคระบาด วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่า ททท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถ พาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพ้นวิกฤตมาอย่างต่อเนื่อง
ปี 2568 นี้ ยอมรับว่าเป็นปีที่ท้าทายอีกปี สะท้อนจากสัญญาณ ต่างๆ ที่ส่งออกมา ทั้งเสน่ห์ หรือมนต์ขลังที่มีความกังวลว่าอาจจะมัดใจนักท่องเที่ยวได้ไม่เหมือนเดิมแล้ว โดยโจทย์ใหญ่ที่ ททท.เร่งทำคือ ความพยายามให้ประเทศไทย เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อสร้างเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศอย่างต่อเนื่อง
" ปี 2568 ยังไม่แน่ใจจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเข้ามาเที่ยวไทยได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ เพราะตัวเลขในปัจจุบันจำวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ต้นปีติดลบอยู่ที่ 5% แม้มีการฟื้นตัวมากขึ้น เทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด ที่เห็นการฟื้นตัวมากว่า 90% ซึ่งการที่ตลาดต่างชาติชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากตลาดจีนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
แต่คาดหวังว่าช่วงปลายปีนักท่องเที่ยวจะกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น เหมือนตลาดระยะไกลที่เข้ามาเที่ยวไทย เห็นการเติบโตอย่างดี มีการใช้จ่ายสูง รายได้ของการท่องเที่ยวจึงเติบโตขึ้นตาม แม้จำนวนลดลง เน้นย้ำว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับตลาดต่างชาติอย่างเดียว แต่ไทยเที่ยวไทยก็สำคัญเช่นกัน แต่เนื่องจากสัดส่วนรายได้ทั้ง 2 ตลาดยังต่างกันเยอะ
อาทิ ปีที่มีรายได้ท่องเที่ยวมากสุด 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างชาติอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท แต่รายได้ไทยเที่ยวไทยอยู่เพียง 1 ล้านล้านบาทเท่านั้น
สำหรับการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขึ้นอยู่กับบริบทในภูมิภาคนั้นๆ ด้วย อาทิ สหรัฐ พบว่าในช่วงหลังโควิดอาจติดลบอยู่ แต่ไตรมาส 1 ปี 2568 กลับมาบวกแล้ว และถือเป็นภูมิภาคหลักที่ส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปในภูมิภาคอื่นของโลก รวมถึงไทยด้วย ไม่แตกต่างจากยุโรปที่เริ่มเป็นบวกในการเข้ามาเที่ยวไทยตั้งแต่ปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ตะวันออกกลางก็เติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก เช่นกัน
ประเทศไทยจึงถือว่าฟื้นตัวเร็วกว่าคนอื่นในช่วงหลังโควิดเป็นต้นมา แต่เมื่อหลายประเทศมีการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวอย่างร้อนแรงเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่างจีน หลายประเทศจึงกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในด้านการท่องเที่ยวโลก เพราะมีการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวเยอะมาก
เทรนด์ว่าพฤติกรรมในการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน
คนนิยมเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น มีความใส่ใจในสุขภาพ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากโควิด การท่องเที่ยวจากนี้จึงเน้น Health and Wellness เข้ามาผสมผสาน รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่นอกเหนือจากการดูแลอาหารการกิน การออกกำลังกายกลางแจ้งก็เป็นส่วนหนึ่งที่เห็นมากขึ้น ทำให้การจัดอีเวนต์ด้านกีฬาใหญ่ๆ ถือเป็นส่วนช่วยดึงดูดให้เกิดการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ บวกกับประเทศไทยถูกจัดให้อยู่อันดับต้นๆ ของการเป็นประเทศที่ผู้หญิงสามารถเดินทางมาเที่ยวคนเดียวได้
ขณะเดียวกัน เรามีเครื่องมือดึงดูการท่องเที่ยวใหม่อย่างการเที่ยวตามรอยหนังหรือภาพยนตร์ การจัดมหกรรมคอนเสิร์ตระดับโลก เพื่อเพิ่มเศรษฐกิจช่วงกลางคืนให้เติบโตขึ้น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ททท. ไม่มั่นใจปี 68 จะเดินหน้าถึงเป้าท่องเที่ยว หลังติดลบอยู่ที่ 5%
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th