โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“เราไม่เคยมองคนไทยเป็นศัตรูเลย” เสียงสะท้อนครอบครัวชาวเขมรในนวนคร จากชีวิตแรงงาน สู่การขับไล่ให้กลับกัมพูชา

The Momentum

อัพเดต 28 มิถุนายน 2568 เวลา 0.28 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE MOMENTUM

“เราไม่เคยมองเห็นคนไทยเป็นศัตรูของเราเลย” เสียงของ ดาแรงงานหญิงชาวกัมพูชาวัย 35 ปี สะท้อนในห้องเช่าแคบๆ บริเวณซอยลึกของเขตอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาจากข้อพิพาทชายแดน นับตั้งแต่เหตุปะทะกันบริเวณช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ในขณะที่กองทัพและชนชั้นนำของทั้ง 2 ประเทศต่างห้ำหั่นกันด้วยจุดยืน แรงงานค่าแรงขั้นต่ำอย่างดาและลูกอีก 5 ชีวิต ต้องแบกรับผลพวงความขัดแย้งระหว่างชายแดน ทั้งการถูกขับไล่และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมนานัปการ ในห้วงเวลาที่เกิดกระแสชาตินิยม และความรักชาติเกิดขึ้นในหมู่ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จนเกิดการมองคนเชื้อชาติของฝ่ายตรงข้ามเป็น ‘ศัตรู’ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เห็นกับความขัดแย้งดังกล่าวก็ตาม

The Momentum เดินทางลงพื้นที่เขตอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี เพื่อเปิดใจพูดคุยกับครอบครัวแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย สัมผัสประสบการณ์ชีวิต และรับฟังเรื่องราวผลกระทบที่พวกเขาได้รับจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติ และความขัดแย้งที่ยังคุกรุ่นระหว่างไทยกับกัมพูชา

ความขัดแย้งที่ถูกอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบ

นับตั้งแต่เกิดปัญหาขึ้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 นับเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ดาเล่าว่า เธอต้องพบเจอกับสถานการณ์แปลกประหลาด แม้จะเป็นกิจวัตรปกติทั่วไปในแต่ละวัน อย่างการซื้อกาแฟก่อนออกเดินทางไปทำงานในตอนเช้าก็ตาม

“ตอนนั้นเพิ่งจะ 7 โมงเช้าเอง ร้านกาแฟที่ไปซื้อก็เป็นร้านรถเข็นทั่วไป พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ร้าน ยังไม่ได้ทันได้สั่งอะไรเลย แต่เขาบอกว่าหมดแล้ว ไม่มีของแล้ว”

แรงงานหญิงอย่างดาได้รับค่าจ้างประมาณวันละ 300 บาท และไร้สวัสดิการใดๆ อีกทั้งในชีวิตยังเล่าถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกชายคนเล็กอายุ 3 ขวบ ในครอบครัวช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ลูกชายคนเล็กถูกสุนัขของเพื่อนบ้านกัด แต่เธอต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ทั้งหมดเพียงผู้เดียว

“ลูกคนเล็กโดนหมากัด เขาจำได้ว่าเป็นหมาตัวไหนเลยไปชี้ แล้วเราเห็นว่าเป็นหมาของข้างบ้านที่เป็นคนไทย ตอนนั้นเราก็พาลูกไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าที่โรงพยาบาลก่อน แล้วกลับมาบอกกับเจ้าของหมาว่า หมาของคุณกัดลูกเรานะ แต่เขาไม่ยอมรับเลยว่าเป็นหมาของเขา บอกกับเราแค่จะขอดูกล้องวงจรปิดก่อน”

ดาเล่าต่อว่า เธอไม่ได้คัดค้านการขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจะรับผิดชอบ แต่แม้ว่าจะตรวจสอบและพบว่าเป็นหมาของเพื่อนบ้านจริงๆ แต่เพื่อนบ้านคนไทยกลับคัดค้านไม่ให้เธอพาลูกไปฉีดยา โดยอ้างว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ฉีดยากันพิษสุนัขบ้าเรียบร้อยแล้ว

แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เธอจึงไม่ลังเลที่จะพาเขาเข้ารับการรักษา เพื่อความสบายใจและเรื่องสุขภาพ โดยตลอดหลายเดือนดาต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งค่าวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าจำนวน 5 ครั้ง และค่าเดินทาง ซึ่งทุกครั้งของการรักษาเสียค่าใช้จ่ายรวมกันไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท

“เรากลัว เพราะลูกของเรายังเด็กมาก ก็เลยพาไปฉีดยาจนครบทั้ง 5 รอบ แล้วก็เอาใบเสร็จค่าวัคซีนไปเป็นหลักฐานให้เพื่อนบ้านดูว่า เราพาลูกไปหาหมอมาจริงๆ นะ ไม่ได้โกหก ขอให้เขาช่วยออกค่ารักษาให้หน่อยได้ไหม สักครึ่งหนึ่งก็ได้ แต่เขาไม่ยอม

“เจ้าของหมาเป็นคู่สามี-ภรรยา คนที่เป็นสามีพูดจากับเราไม่ดีเลย น้ำเสียงดุดัน บอกกับเราว่า พอคนกัมพูชามาอยู่ประเทศไทยก็หาเรื่องกับคนไทย ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เขาโยงเข้าเรื่องเชื้อชาติ ทั้งๆ ที่ปัญหาคือลูกของเราโดนหมาของคุณกัดแท้ๆ” ดายอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ประเด็นสัญชาติเข้ามาพัวพันกับการรับหรือไม่รับผิดชอบต่อลูกชายเธอ ซึ่งท้ายที่สุดดาหวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะย่างกรายเข้าไปใกล้บ้านของคู่สามี-ภรรยาชาวไทยอีก

“เพราะเขาเคยถามเราว่า มองหน้าเขาทำไม อยากมีปัญหาเหรอ ทั้งๆ ที่เวลาเราคุยกับใครปกติเราก็ต้องมองหน้าคนที่เราคุยด้วยอยู่แล้ว จะก้มๆ เงยๆ ทำไม มันไม่ปกติ ตอนนี้เราไม่กล้าไปเจอเขาแล้ว เพราะกลัวเขามาก” ดาทิ้งท้ายด้วยความเจ็บปวด

การขับไล่

นอกจากลูกชายคนเล็ก 1 คน ที่ยังคงอยู่ในช่วงกำลังเรียนและลูกชายอีก 2 คน ซึ่งเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และกำลังรอคอยเข้าสู่สถานะแรงงาน ดายังมีลูกสาวอีก 2 คนคือ สุเพียนี และสุเพียนาที่เธออุ้มทั้งสองออกเดินทางจากโตนเลสาบ พื้นที่ทำประมงของประเทศกัมพูชามายังประเทศไทยตั้งแต่ปี 2556 ตั้งแต่ทั้งคู่อายุยังน้อย ปัจจุบันทั้งสองอายุ 18 ปี และ 16 ปีตามลำดับ และเป็นพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมย่านนวนคร ซึ่งพวกเธอต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา แพร่ขยายเข้ามาสู่ผู้คนในโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สุเพียนาสมัครเข้าเป็นพนักงานในโรงงานผลิตกระสอบด้วยค่าแรงขั้นต่ำ และมีผู้มองเห็นความสามารถในการเป็นล่ามแปลภาษาเขมรของเธอ อย่างไรก็ตามสุเพียนาเล่าว่า เธอสละตำแหน่งนี้ไป เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งด้วยเหตุผลความเกลียดชังทางเชื้อชาติจากเพื่อนร่วมงานไปจนถึงบุคคลที่มีตำแหน่งระดับหัวหน้า ที่แสดงออกด้วยการใช้งานเธอให้หนักกว่าพนักงานคนอื่นๆ ส่งปัญหาให้รับผิดชอบทั้งที่เธอไม่ได้ก่อ และยังถูกขับไล่ทางวาจาอยู่บ่อยครั้ง

“พวกพนักงานชอบเดินมาบอกกับเราว่า ไม่กลับบ้านกันเหรอ เขาไล่แล้วนะ ส่วนหัวหน้างานเขาก็ไม่ชอบคนกัมพูชาเลย ยังเคยมาพูดกับเราว่า เดี๋ยวโรงงานจะไม่รับคนกัมพูชาเข้าทำงานแล้วนะ” สุเพียนาเล่า เธอเสริมว่า ในช่วงที่เหล่าพนักงานยืนอยู่เป็นกลุ่ม เธอซึ่งมีสัญชาติกัมพูชามักถูกเรียกไปใช้งานอย่างตามลำพังและเป็นประเภทงานใช้กำลัง เช่น ยกของหนัก ลากสินค้าที่สุเพียนาบอกกับเราว่า ทำเอาเธอ ‘เกือบตาย’ ทั้งที่ตำแหน่งของเธอเป็นล่ามแปลภาษา

สุเพียนี ลูกสาวอีกคนของดา ก็เผชิญกับบรรยากาศการขับไล่ไม่น้อยไปกว่าพี่สาวคนโต เธอทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ท่ามกลางการบรรยากาศของความเกลียดชังชาวกัมพูชาอย่างถึงที่สุด

“เวลาไปทำงานตรงไหนของโรงงาน มักมีพนักงานชาวไทยพยายามเข้ามายืนใกล้ๆ แล้วพูดคุยกันเรื่องกัมพูชา มีครั้งหนึ่งที่เขาพูดขึ้นมาว่า เราเป็นพวกเขมรที่ชอบเคลมของคนไทย เราเคยบอกกับเขาไปแล้วว่า เรารู้สึกไม่ดีจริงๆ ที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น แต่เขากลับพูดใส่เราว่า ก็ไปบอกให้คนในประเทศเธอเลิกเคลมของคนไทยก่อนสิ”

บรรยากาศการขับไล่ชาวกัมพูชา ทำให้สุเพียนีนึกย้อนไปถึงช่วงที่เรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านนวนคร และถูกคุณครูขับไล่ตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่ชั้นประถมฯ 4 ต่อเนื่องจนเธอเรียนจบชั้นประถมฯ 6 และขับไล่เธอต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น

“ครูผู้ชายคนนี้พูดไม่ดีกับเราตั้งแต่ ป.4 เวลาเจอหน้าเขาเข้ามาในห้อง เราก็นั่งเรียนของเรา แต่ครูก็จะโทษเราอย่างนั้นอย่างนี้” สุเพียนีเริ่มเล่าประสบการณ์เก่าที่ฝังใจ ก่อนที่เธอจะเรียนจบและก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน “เรากำลังเรียนในห้องอยู่แล้วมีเพื่อนๆ เล่นกัน เขาก็จะบอกว่าเราชวนเพื่อนเล่น แล้วพูดว่า ใครเป็นพวกเขมรกลับประเทศมึงไปเลย”

คำพูดที่เคยได้ยินในวัยเด็กกำลังหวนกลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้งในโรงงาน สถานการณ์ความเกลียดชังชาวกัมพูชาในขณะนี้ทำให้สุเพียนีคุ้นเคยราวกับ ‘เดจาวู’ ความเจ็บปวดจากถ้อยคำและการกระทำแห่งการหยามเหยียดในอดีตกำลังซ้อนทับกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญในปัจจุบัน

ที่สำคัญดูเหมือนว่า ความเกลียดชังชาวกัมพูชาจะถูกส่งต่อไปยังเด็กเล็กที่ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ สุเพียนีเล่าว่า เธอมักถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนทำร้ายร่างกายและกลั่นแกล้งสารพัด ซึ่งเธอเลือกเก็บงำไม่ร้องเรียนกับครู เพราะมองว่าสุดท้ายแล้วเธอจะไม่ได้รับความยุติธรรมใดเลยจากโรงเรียน แม้ว่าในวันนี้ที่เธอจบการศึกษาระดับชั้นประถมฯ มาและทำงานแล้ว แต่บรรยากาศของความเกลียดชังชาวกัมพูชายังคงหวนกลับมาอีกครั้ง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเด็กๆ กัมพูชาถึงการรับมือหากต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอในโรงเรียน

แรงงานกัมพูชาไม่เคยมองคนไทยเป็น ‘ศัตรู’

เมื่อถามว่า คนไทยทำกับเราขนาดนี้เคยมองคนไทยเป็นศัตรูบ้างหรือไม่ ดาชิงตอบก่อนลูกๆ “เราไม่เคยมองเห็นคนไทยเป็นศัตรูของเราเลย” เพราะตั้งแต่ที่เธอเดินทางเข้ามาในประเทศไทย มีชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่คอยช่วยเหลือให้มีงานทำ หารายได้จนซื้อความสุขเล็กๆ อย่างมอเตอร์ไซค์ราคาหลักหมื่น กับห้องเช่าให้ลูกได้มีที่นอน จึงรู้สึกขอบคุณ

แรงงานหญิงชาวกัมพูชาที่มีสถานะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้มีประสบการณ์ถูกไล่ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรม ได้รับเงินค่าจ้างไม่ครบตามจำนวนที่เบิก โดนหักหัวคิว และโดนคนไทยหลอกให้เสียเงินสมัครงานก่อนจะทิ้งเธอไว้ข้างถนนรายนี้ ยังคงเชื่อมั่นเสมอว่า คนไทยกับคนกัมพูชาจะกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้อีกครั้งหนึ่ง

“เรารู้เรื่องว่า คนไทยกับคนกัมพูชาผิดใจกันเรื่องอะไร แต่เราไม่รู้จะพูดถึงมันอย่างไร มันไม่ใช่เรื่องของเราเลย เป็นเรื่องของคนข้างบนทำกันเอง เราคนกัมพูชาไม่อยากมีปัญหากับคนไทยเลย เวลามีคนไทยมาถามว่า คนกัมพูชาจะขโมยดินแดนของไทยใช่ไหม เราก็ไม่เคยเถียงสู้ ยอมให้เขาต่อว่าเราไป ไม่ก็พูดดีๆ กับเขา” ดาเล่าต่อว่า รู้สึกน้อยใจที่ได้ยินคนไทยพูดกับเธอแบบนั้น แต่พยายามทำงานต่อไป

สิ่งที่ดาและลูกๆ ของเธอกังวลมากที่สุดในฐานะแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยคือ หากวันหนึ่งสถานการณ์ความตึงเครียดของ 2 ประเทศบานปลายจนกลายเป็นสงครามขึ้น บรรยากาศของการเกลียดและเหยียดเชื้อชาติชาวกัมพูชาจะรุนแรงมากเท่าทวีคูณถึงขั้นไล่ล่าชาวกัมพูชา

“เรากลัวสงคราม แม้เราจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่เพราะไม่เคยเห็นเลยกังวล จินตนาการว่า หากคนของ 2 ประเทศทำสงครามกัน วันหนึ่งเราจะโดนคนไทยจับตัวไปไหม จะไปที่ต่างๆ ได้อยู่ไหม เขาจะจับเอาเราไปไว้ไหน เรากลัวจะถูกจับไปทำตัวประกัน

“เราไม่เคยอยากให้มีสงคราม อยากให้คนไทยกับคนกัมพูชาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขเหมือนเมื่อก่อน เราจะได้ทำงานไปนานๆ เก็บเงินซื้อบ้านกับรถเหมือนที่เราเคยฝันไว้”

เหมือนกับลูกทุกคน โดยเฉพาะลูกสาวของบ้านที่ยืนกรานไม่เอาสงครามเด็ดขาด และขอสันติสุขเกิดขึ้นโดยเร็วบน 2 แผ่นดินทั้งไทยและกัมพูชา

“เราไม่อยากให้ทะเลาะกัน คนข้างบนทะเลาะกันมันเดือดร้อนมาถึงประชาชน 2 ประเทศ ใครเขาจะมีความสุขกัน” สุเพียนีระบุ เสริมด้วยสุเพียนาที่บอกกับเราว่า “อยากให้หยุดสงคราม อย่าทำ อย่าให้เราต้องรบกันเลย มันมีคนตายนะ บางครอบครัวเขาต้องเสียลูกหลานของเขาไป”

ก่อนจากกันกับครอบครัวของดา และเดินทางออกจากนวนครกลับสู่กรุงเทพฯ ดาฝากคำขอบคุณชาวไทยที่คอยปกป้องชาวกัมพูชา และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหยุดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับเชื้อชาติของเธอ

“พูดถึงแล้วก็รู้สึกขนลุกจริงๆ เราดูคลิปของคนไทยที่ออกมาปกป้องชาวกัมพูชาแล้วชื่นใจ อยากจะบอกว่า เราติดตามดูทุกคลิปเลยและขอบคุณพวกเขาจริงๆ ที่ปกป้องพวกเรา” ดาทิ้งท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Momentum

‘FRIEND FRIEND’ จากลานจอดรถห้างเอ็มโพเรียม สู่ร้านขายความสัมพันธ์ และสเปซที่มากกว่าร้านค้า

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หากไม่ยุบสภาฯ กำลังวังชา-อำนาจรัฐบาลจะลดน้อยถอยลง ‘เพื่อไทย’ จะเอียงขวาหนักขึ้น

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ครอบครัวช็อกถามหาความปลอดภัย ด.ช. 5 ขวบตกบ่อปลาในโรงเรียนดับ

News In Thailand

ตำรวจ ย้อนศรชนหญิงดับ เข้าขอขมาศพ ลูกผู้ตายงง ผลตรวจแอลกอฮอล์รอ 7 วัน

Khaosod
วิดีโอ

‘สื่อกัมพูชา’ ตีข่าว อ้างการหลอกลวงออนไลน์ มีต้นตอจากไทย

Thai PBS

จนท.บุก บ้านร้างคลองสี่ ผงะ ถุงยางใช้แล้วทิ้งเกลื่อน ชาวบ้านสุดทน ร้องเป็นแหล่งมั่วสุม

Khaosod
วิดีโอ

เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน จ.เชียงราย

Thai PBS
วิดีโอ

ปตท. ทำหนังสือแจ้งตลาดหุ้น จตุพร บุรุษพัฒน์ ยื่นลาออก บอร์ด ปตท. แล้ว มีผลทันที

BRIGHTTV.CO.TH
วิดีโอ

"ชูวิทย์เปิดเกมเดือด แฉศึกตระกูลฮุน-ชินวัตร ปมผลประโยชน์คาสิโนข้ามชาติ"

BRIGHTTV.CO.TH
วิดีโอ

"ผู้นำอิหร่าน" ผงาด! ลั่นไม่แพ้-ไม่คุยสหรัฐฯ | เนชั่นทันข่าวค่ำ | NationTV22

NATIONTV

ข่าวและบทความยอดนิยม

ยังไม่พบข้อมูลใหม่ สรุปแถลงการณ์ ฮุน เซน 3 ชั่วโมง แก้ต่างข้อกล่าวหา-แฉตระกูลชินวัตร

The Momentum

‘พงษ์สิทธิ์’ ฝากถึง ‘แพทองธาร’ ประเทศบอบช้ำมากแล้ว ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็ออกไป

The Momentum

ป่วยการเมืองตบตาประชาชน ฮุน เซน แฉเบื้องหลังรูป ‘ทักษิณใส่เฝือก’ ตอนแรกไม่ใส่ แต่เมื่อถ่ายรูปกลับหยิบขึ้นมาใส่

The Momentum
ดูเพิ่ม
Loading...