ภูมิธรรม ประกาศด่วน หลังได้ขึ้นเป็น เบอร์ 1
วันที่ 4 ก.ค. 2568 ที่ห้องประชุมราชสีห์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อธิบดี ที่ปรึกษาระดับทรงคุณวุฒิ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง 15 จังหวัด ร่วมประชุม
โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งมีหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำภูมิภาค หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยส่วนกลางประจำภูมิภาค ร่วมประชุม และถ่ายทอดการประชุมไปยังที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยมีนายอำเภอ ปลัดอำเภอ พัฒนาการอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมรับฟัง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ได้เข้ามารับฟังข้อสรุปเบื้องต้นของการทำงานที่ผ่านมา ยินดีและขอบคุณที่ให้การต้อนรับ หวังว่าการทำงานต่อไปข้างหน้าของเราจะร่วมมือกันทุกส่วน เพื่อทำให้มหาดไทยเป็นหนึ่งเดียวในการที่จะแก้ไขขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล สามารถทำให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต
โดยกลไกมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญมากทั้งในระดับจังหวัด อำเภอทั่วประเทศ เป็นกลไกที่สามารถนำนโยบายดีๆ หรือสิ่งที่แก้ไขปัญหาให้ประชาชนทั้งหมดได้ดี ถือเป็นเรื่องสำคัญ
อีกเรื่องหนึ่งผมอยากเห็นความเป็นปึกแผ่นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่นี่ไม่มีสิงห์แดง สิงห์ดำ สิงห์ขาว สิงห์เขียว สิงห์ทอง สิงห์น้ำเงินไม่มี มีแต่สิงห์ของมหาดไทย ผมไม่นิยมสนับสนุนให้เล่นพรรคเล่นพวก ผมต้องการคนมีความสามารถ ถ้ามีความสามารถก็ทำงานพิสูจน์ตัวเองได้เลย ผมยินดีทั้งนั้น จุดสำคัญที่สุดคือจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาต้องมาดูว่าอะไรที่เป็นเรื่องนโยบายก็ต้องดำเนินการ เป็นเรื่องชัดเจน ตนคิดว่าหัวใจสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้านโยบายออกมาแล้วไม่ขยับ ไม่เข้มข้น ไม่ดำเนินการเป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้
ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ยังนิ่งเฉย ทำไม่เต็มหน่วย หรือใกล้จะเกษียณแล้วไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่มีปัญหาสำคัญไม่เป็นไร ถ้ามีปัญหาสำคัญต้องจัดการให้จบ ตนยังอยากเห็นกระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขวิกฤติของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตชีวิต ยาเสพติด โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดเป็นเรือธงอันดับหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทยต้องเห็นผล อย่างน้อยต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงความคืบหน้าในช่วงที่ตนมา
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก่อนที่ตนจะมาที่กระทรวงมหาดไทย ตนได้จัดการแก้ไขปัญหาเป็นผู้รับผิดชอบซีล สต๊อป เซฟ ใน 14 จังหวัด แต่คราวนี้จะเน้นทั่วประเทศ เพราะวิกฤตยาเสพติดเป็นวิกฤตที่คนดีหมดความอดทน ต้องเผชิญกับทุกข์ที่ไม่ได้ก่อ เขาบอกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านรู้หมดว่าใครขาย เขามาถามตนว่ารัฐบาลเอาจริงหรือเปล่า เขาบอกว่ารู้หมดว่าหมู่บ้านนี้ใครขาย ใครเป็นแหล่งกระจาย ใครสมคบกับข้าราชการ
ดังนั้น วันนี้ต้องหยุด ประชาชนพูดกับตนว่านายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้ว่าฯ ผู้การไม่ค่อยรู้ ชาวบ้านพูดกับตนแบบนี้ ตนก็จะมาตรวจสอบดูเพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นคนควบคุมในจังหวัดทั้งหมด ผู้การจังหวัดเป็นอีกเรื่องที่ต้องควรรู้ โดยภาพรวมที่ผ่านมาเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่เริ่มต้นสำหรับมหาดไทยถือเป็นเรือธงสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้ได้
โดยตนจะดำเนินการร่วมกันกับศูนย์ยาเสพติดของ ป.ป.ส. ทหาร และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 14 ก.ค.นี้ โดยจะบูรณาการตำรวจและทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ตนเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง วันนี้มาอยู่มหาดไทยก็ครบพอดี เพราะยังไม่มีกลไกมหาดไทยในความรับผิดชอบ ซึ่งตนดูแลตำรวจ กลาโหม ยุติธรรม และหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมด ในเมื่อทุกอย่างมาอยู่รวมกันแล้ว มันควรทำงานให้เป็นเอกภาพ
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการปราบปรามผู้อิทธิพลอาชญากรข้ามชาติ ภัยร้ายแรงต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นภัยข้ามชาติ ขณะนี้จากการรวบรวมข้อมูลชั้นต้น เรารู้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนสำคัญ เราสืบสาวไปได้หมด บัญชีม้าที่เกิดขึ้น ผ่านใครไปบ้าง
ขณะนี้ตนดูแล ป.ป.ง. ก็จะสาวไปถึงเส้นทางการเงิน ตนเชื่อว่าอีกไม่นานเร็วๆ นี้ จะทยอยให้เห็นว่าใครบ้างที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้น ตนอยากให้ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทุกคนผู้รับผิดชอบในกระทรวงมหาดไทยทุกคน เรื่องนี้ต้องหยุด
ผมเข้าใจในปรัชญาของกระทรวงมหาดไทย ยิ่งพวกเราได้รับการโปรดเกล้าฯ ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้มาทำงาน โดยพระบรมราโชวาทที่มอบให้รัฐมนตรีทุกคน พระองค์ท่านพูดชัดเจนว่าให้มาช่วยกู้ภัยพิบัติ จัดการวิกฤต ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เราได้รับพระราชทานมอบภารกิจให้เราพยายามทำสิ่งเหล่านี้
อย่างไรก็ดี ผมอยากเน้นย้ำภารกิจที่สำคัญต้องสอดคล้องกับรัฐบาล วันนี้ผมยังไม่ค่อยเห็นว่าเอานโยบายรัฐบาลมาทำให้ทะลุและสำเร็จจนเป็นรูปธรรม ดังนั้น หน่วยงานต่างๆ ต้องนำนโยบายมาขับเคลื่อนให้สำเร็จ เรามีเวลาทำไม่ได้มาก ฉะนั้นเราต้องทำตรงนี้ให้เต็มที่
อย่างที่บอกความมั่นคงของประชาชน คือความมั่นคงของรัฐ ฉะนั้น มหาดไทยจะต้องเป็นแกนกลางในการทำงานทุกมาตรการ ความมั่นคงของประชาชนก็คือความมั่นคงในทุกมิติ ไม่ใช่หมายรวมเฉพาะเรื่องทหาร ตำรวจ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขเป็นสิ่งรวมกัน” นายภูมิธรรม กล่าว