SOCIETY: แมวในคอสตาริกา ถูกใช้ ‘ขนยาเสพติด’ เข้าเรือนจำ ด้วยการมัดห่อยาไว้กับลำตัวน้อง แต่ก็ไม่รอดสายตาเจ้าหน้าที่อยู่ดี!
อาจจะดูเป็นเรื่องปกติที่แมวสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของใครหลายคนกำลังเดินไต่อยู่บนขอบกำแพง ทว่าการเดินไต่กำแพงของแมวในประเทศคอสตาริกา (Costa Rica) กลับเป็นที่น่าหดหู่ เพราะการเดินของพวกมันไม่ได้เป็นการเดินเล่นอย่างสบายใจหากแต่ถูกใช้เป็นพาหนะขนส่งสิ่งผิดกฎหมายอย่าง ‘ยาเสพติด’ แทน
โดยเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 เฟซบุ๊กกระทรวงยุติธรรมและสันติภาพของคอสตาริกา ได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำโปโกซี (Pococi) ได้ช่วยแมวตัวหนึ่งที่ถูกใช้เป็นตัวล่อขนส่งยาเสพติด 2 ห่อ ประกอบไปด้วยห่อกัญชา จำนวน 235.65 กรัม และห่อโคเคน 67.69 กรัม เพื่อนำเข้าไปในเรือนจำ
ขณะช่วยเหลือพบว่า แมวขาวดำถูกพันด้วยเทปที่มีห่อยาแนบกับลำตัว โดยที่มันกำลังปีนรั้วอยู่ และหลังจากได้รับความช่วยเหลือ แมวขาวดำตัวดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังสำนักงานสุขภาพสัตว์แห่งชาติเพื่อทำการประเมินอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้จากรายงานของ People ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อพยายามติดตามการเคลื่อนไหวของแมวขาวดำก่อนที่จะถูกจับ และหวังว่าจะจับกุมคนที่เป็นตัวการลักลอบขนส่งยาเสพติดในครั้งนี้ได้
ทั้งนี้ตามรายงานจาก The Tico Times กล่าวว่า จำเรือนจำโปโกซีและเรือนจำอื่นๆ กำลังเผชิญกับปัญหาการลักลอบขนส่งยาเสพติด รวมไปถึงสิ่งของต้องห้ามอื่นๆ ทำให้เรือนจำมีการคุมเข้มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดการเยี่ยม การห้ามนำโทรศัพท์ติดตัวเข้าไป เพื่อควบคุมการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์การลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายโดยใช้แมวในคอสตาริกาไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก เพราะกรณีคล้ายกันนี้เคยเกิดมีมาก่อนแล้ว ดังในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2020 ที่เจ้าหน้าที่ปานามาได้พบแมวสีขาวมัดถุงยาเสพติดห้อยอยู่ที่คอ ขณะที่มันพยายามเข้าเรือนจำ เพราะถูกล่อลวงด้วยขนม
และในความเป็นจริงยังมีสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่กลายมาเป็นเครื่องมือของอาชญากร นอกเหนือจากแมว ไม่ว่าจะเป็นวัว ที่สำนักข่าว La Prensa ในนิการากัว ระบุว่าทางการอเมริกากลางได้จับตาการลักลอบขนส่งยาโดยใช้วัวตั้งแต่ปี 2012 และการสืบสวนของกองทัพเม็กซิโกในปี 2013 ได้เผยว่ามีการใช้วัวในการลักลอบขนยาด้วยการนำยาใส่ลงไปในกระเพาะอาหาร หรือในอีกรณีคือการลักลอบขนส่งยาด้วยนกพิราบ เหมือนการติดต่อกันทางจดหมายสมัยก่อนที่มีการผูกยาเสพติดไว้ที่ขาเพื่อให้นำไปส่งยังเป้าหมาย
โดยจากเหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็น ‘อาชญากรรมโดยสัตว์’ ที่ถูกอาชญากรตัวจริงใช้ประโยชน์จากช่องว่างของสัตว์ที่ไม่เป็นที่สังเกต และใช้ความไร้เดียงสาให้กระทำความผิด ดังนั้นเหตุการณ์ในคอสตาริกาครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องน่าเศร้าสำหรับแมวตัวหนึ่ง แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของปัญหาการลักลอบขนยาเสพติดที่ฝังรากลึก และแม้จะมีการพยายามแก้ไข แต่อาชญากรก็มีเทคนิควิธีหลบหลีกกฎหมายได้สารพัด
และหลังจากบทเรียนของกรณีนี้ ควรเป็นการตั้งคำถามที่สังคมและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต้องช่วยกันตอบให้ได้ว่าจะ ‘ปกป้องสัตว์’ จากการถูกใช้เป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรมเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้สัตว์เหล่านี้ได้ใช้ชีวิตของตัวเองตามธรรมชาติแบบที่ควรจะเป็น