“วีระพันธ์” ซัด เจรจาชายแดนไร้ผล! จี้ฉีก MOU เก่าทิ้ง–ถามหาคนรับผิดชอบชีวิตทหาร-พลเรือน แนะตั้งวอร์รูม 24 ชม.รับมือข่าวปลอม
“วีระพันธ์” ซัด เจรจาชายแดนไร้ผล! จี้ฉีก MOU เก่าทิ้ง–ถามหาคนรับผิดชอบชีวิตทหาร-พลเรือน แนะตั้งวอร์รูม 24 ชม.รับมือข่าวปลอม–เรียกร้องท่าทีรัฐบาลต้อง ‘ดุดัน’ กว่านี้
เมื่อเวลา 11.30 วันที่ 29 ก.ค.68 ที่รัฐสภา น.นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา แถลงข่าวต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ฝั่งไทยถือเป็น “อาชญากรรมสงคราม” โดยเฉพาะกรณีที่โรงพยาบาลและพลเรือนได้รับผลกระทบจากกระสุนปืนใหญ่ซึ่งระบุชัดว่ามาจากฝั่งกัมพูชา พร้อมตั้งคำถามถึงความล้มเหลวของการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาเมื่อวานนี้ว่า “ใช้การไม่ได้” และไม่ควรปล่อยให้ประชาชนต้องเสียชีวิตอีกโดยไม่มีใครรับผิดชอบ
“ โรงเรียนฝั่งกัมพูชาหยุดก่อน เพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ฝั่งเรายังเปิดตามปกติ เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ทหาร แต่เป็นพลเรือน นี่คืออาชญากรรมสงครามชัดเจน ” นพ.วีระพันธ์ กล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทยนำเรื่องนี้เข้าสู่เวทีสหประชาชาติ และผลักดันให้ทั่วโลกประณามการกระทำของรัฐบาลกัมพูชา
นพ.วีระพันธ์ ชี้ว่า กัมพูชาได้สร้างชุมชนและฐานทัพประชิดชายแดนมาตั้งแต่ปี 2554 ทำให้ไทยเสียเปรียบในการตอบโต้ เพราะเกรงว่าหากโต้กลับอาจกระทบพลเรือนของฝั่งตรงข้าม พร้อมระบุว่าในการปะทะครั้งล่าสุด กัมพูชาใช้ทั้งรถถังและประชาชนเป็น “โล่มนุษย์” ซึ่งถือว่าไร้มนุษยธรรมอย่างสิ้นเชิง
“การเจรจาเมื่อวานถือว่ายังใช้ไม่ได้ และประเทศไทยไม่ควรตกอยู่ภายใต้กรอบ MOU เก่าอีกต่อไป ถึงเวลาฉีกทิ้งทั้งฉบับปี 2543 และ 2544 แล้วตั้งโต๊ะเจรจาใหม่บนฐานของมนุษยธรรม และอธิปไตยของประเทศ” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
นพ.วีระพันธ์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงท่าทีที่ “แข็งกร้าว” มากกว่านี้ โดยเฉพาะนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งรักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ ควรชี้นำการเจรจาอย่างชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้ดูเป็นเพียงความพยายามที่จะ “ยุติความรุนแรง” แบบไม่มีเงื่อนไข
การเจรจาที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่เคยมีอยู่จริง คนที่แพ้ต่างหากที่ควรเรียกร้องหยุดยิงแบบนั้น เราเป็นประเทศที่มีกำลังเหนือกว่า ไม่ควรใจดีจนกลายเป็นจุดอ่อน
นพ.วีระพันธ์ ระบุ พร้อมตำหนิการเจรจาที่เกิดขึ้นว่า “ไม่ต่างจากการยอมจำนนในสองชั่วโมง”
นอกจากนี้ นพ.วีระพันธ์ ยังวิจารณ์ว่า รัฐบาลขาดการสื่อสารที่ชัดเจนกับประชาชนในยามวิกฤต โดยระบุว่า ตลอดคืนที่ผ่านมา เขาติดตามข่าวสารและพบว่าไม่มีการแถลงจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ จึงเสนอให้ตั้ง วอร์รูม 24 ชั่วโมง เพื่อสื่อสารกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ป้องกันการแพร่กระจายของข่าวปลอมและสร้างความเชื่อมั่นในสถานการณ์ชายแดน
ตอนนี้ประชาชนกำลังนับถอยหลังกับวิกฤตนี้ยิ่งกว่าช่วงปีใหม่ แต่กลับไม่มีเสียงจากรัฐบาลเลย นพ.วีระพันธ์ ระบุ พร้อมย้ำว่าความขัดแย้งสามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา แต่ต้องมีท่าทีที่ชัดเจนและจริงจังมากกว่านี้
ท้ายที่สุด นพ.วีระพันธ์ กล่าวย้ำว่า ดินแดนไทยต้องเป็นของไทย ต้องไม่มีพื้นที่ทับซ้อนอีกต่อไป และรัฐบาลต้องชัดเจนว่าใครคือผู้นำในการจัดการวิกฤตนี้ ทั้งฝ่ายการเมืองและทหารต้องร่วมวางแนวทางอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าชีวิตของพวกเขาได้รับการปกป้องอย่างแท้จริง