"ฮุน มาเนต" รับข้อเสนอหยุดยิง"ทรัมป์" ขอไทยอย่ากลับคำอีก มอบรมต.ต่างประเทศประสานต่อ
นาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 26 ก.ค. 2568 ข้าพเจ้าได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ผู้ทรงเกียรติ เรื่องการปะทะกันด้วยอาวุธตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
ระหว่างการสนทนา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ได้แสดงออกว่าไม่ต้องการเห็นสงครามหรือการต่อสู้ที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมายทั้งสองฝ่าย ทั้งทหารและพลเรือน ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวกลาง และประสบความสำเร็จในการยุติความขัดแย้งในหลายประเทศทั่วโลก
ส่วนการปะทะกันระหว่างกองทัพกัมพูชากับไทย ท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ทรงเกียรติก็ปรารถนาจะเห็นการหยุดยิงในทันทีและสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศ
เพื่อเป็นการตอบสนอง ผมได้แสดงความชัดเจนต่อท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ทรงเกียรติว่า กัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอเพื่อการหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไขระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย ตามข้อเท็จจริง ก่อนหน้านี้ผมก็ได้แสดงจุดยืนเดียวกันนี้ต่อ ฯพณฯ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีแห่งมาเลเซีย และประธานอาเซียนสมัยปัจจุบัน เมื่อ 24 ก.ค. 2568
หลังจากท่านได้พูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายกรัฐมนตรีรักษาการแห่งประเทศไทย ท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ถ่ายทอดข่าวดีให้ ผมได้รับทราบ ว่าฝ่ายไทยก็เห็นด้วยกับข้อเสนอหยุดยิงในทันทีของท่านประธานาธิบดี นี่เป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับทหารและประชาชนของทั้งสองประเทศ
ผมหวังว่าฝ่ายไทยจะไม่พลิกกลับจุดยืนแบบเดียวกับตอนที่ตอบรับนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม เมื่อ 24 ก.ค. 2568
ผมได้มอบหมายให้ ฯพณฯ ปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อหารือกับ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ผู้ทรงเกียรติ เพื่อบังคับใช้หลักการที่ตกลงกันดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารและพลเรือนของทั้งสองฝ่าย
ผมอยากขอขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ทรงเกียรติ สำหรับความคิดริเริ่มและการเป็นตัวกลางเพื่อหาทางหยุดยิงในทันทีและสร้างสันติภาพระหว่างกัมพูชากับไทย ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมนี้จะมีส่วนช่วยอย่างแท้จริงในการปกป้องชีวิตของทหารและพลเรือนมากมาย ที่อาจสูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ และจะช่วยเหลือผู้อพยพหลายแสนคนให้กลับคืนสู่หมู่บ้านของพวกเขา เพื่อใช้ชีวิตประจำวันต่อไปอย่างปลอดภัยและสงบสุข